TAN เปิดผลงานครึ่งปีแรก 2567 ทำรายได้ 845 ล้านบาท โต 27% มั่นใจผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโต 20% ตามเป้า ลุยเปิดสาขาใหม่ 10 แห่ง พร้อมขยายจุดจำหน่าย HARNN ในจีน 2,000 จุด เปิดเฟรนไชส์สปา 50 แห่ง

‘บมจ.ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ TAN’ ประกาศผลงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2567 ทำรายได้จากการขายและบริการรวม 845.1 ล้านบาท เติบโต 27.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิชะลอตัวลงจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขาย การตลาด และการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ปักธงครึ่งปีหลังเปิดเพิ่มอีก 10 สาขา ลุยขยายแบรนด์ HARNN ในจีน หลังผลตอบรับดีเกินคาด เตรียมเปิดสาขาแรกที่หางโจว พร้อมขยายจุดจำหน่ายในจีนกว่า 2,000 จุด รวมทั้งเปิดเฟรนไชส์สปา 50 แห่งภายในปี 2570 มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 20% ตามเป้า

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ลักซ์ชัวรีระดับโลก เปิดเผยผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2567 (มกราคม – มิถุนายน) เทียบกับครึ่งแรกปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 845.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 27.4% การเพิ่มขึ้นโดยรวมมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสาขาเดิม (SSSG) การแนะนำสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ และการเพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่ ซึ่งถือเป็นฐานสำคัญในการกระจายการพึ่งพิงรายได้ของแบรนด์หลักของบริษัทฯ ในไตรมาสต่อๆ ไป และมีผลกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ 79.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีสาเหตุหลักจากยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมาจากการควบคุมส่วนลดที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขาย การทำการตลาด และการเพิ่มทรัพยากรมนุษย์ที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ ยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของผลการดำเนินงานปี 2567 ที่ 20% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากผลการตอบรับของแบรนด์ใหม่ในพอร์โฟลิโอ อาทิ GANNI, Gordon Ramsay Restaurants, United Arrows เป็นต้น การรับรู้รายได้ของแบรนด์ HARNN ในการขยายไปสู่ประเทศจีน และการเปิดตัวคอลเลคชันใหม่ของแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ รวมถึงการเร่งตัวขึ้นของการบริโภคและภาคการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจตามปัจจัยทางฤดูกาล รวมทั้งมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TAN กล่าวว่า สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง 2567 กลุ่มบริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างการเติบโตผ่าน 3 กลยุทธ์หลักในการดำเนินงาน คือ 1) สื่อสารการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและคำนึงถึงประสบการณ์การใช้สินค้าและบริการที่ลูกค้าจะได้รับ 2) การควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีอัตราส่วนคงที่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรให้มากขึ้นกว่าเดิม 3) ขยายสาขาแบรนด์ที่มีศักยภาพเติบโต ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังรวม 10 แห่ง โดยกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เตรียมเปิดร้าน Pandora สาขาสุราษฎ์ธานี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของภาคใต้ตอนบน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้มีกำลังซื้อสูงในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดใกล้เคียง สำหรับกลุ่มธุรกิจ Fashion เตรียมเปิด GANNI และ Marimekko ที่ Siam Discovery ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์สำคัญใจกลางเมือง นอกจากนี้ ยังขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่ม Young Generation ที่มีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น และกลุ่มธุรกิจ Food & Beverage เตรียมเปิด Gordon Ramsay Bread Street Kitchen & Bar สาขา 2 ที่ ICONSIAM ซึ่งรองรับได้มากถึง 180 คน ครอบคลุมพื้นที่ 600 ตารางเมตร ภายในออกแบบให้มีเคาน์เตอร์บาร์เต็มรูปแบบ มีบริการห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวและโซน Outdoor ท่ามกลางวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหาร All Day Dining ระดับพรีเมียม โดยเจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A, กลุ่มครอบครัว และกลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก ขณะที่ Gordon Ramsay Bread Street Kitchen & Bar สาขาแรก ณ EMSPHERE ยังคงได้รับผลตอบรับดีต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในกลุ่มธุรกิจ Beauty & Wellness กลุ่มบริษัทฯ จัดตั้งบริษัทย่อย HARNN Greater China เพื่อขยายธุรกิจในประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน โดยเตรียมเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้า Hangzhou Hubin Yintai In77 ณ เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ภายในเดือนพฤศจิกายน พร้อมขยายจุดขาย 2,000 แห่งทั่วประเทศจีน และแฟรนไชส์สปา 50 แห่งภายใน 3 ปี

“เรายังคงต้องให้ความสำคัญกับการมองภาพระยะยาว ซึ่งจะทำให้ TAN เดินหน้าสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับภูมิภาค ด้วยการสร้างฐานธุรกิจให้มีทั้งความกว้างและลึก ไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานสาขากิจการเดิม หรือเพิ่มสัดส่วนธุรกิจจากกิจการใหม่ที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีมากในอนาคต ดังนั้นการมีค่าใช้จ่ายในการขยายงานและการอยู่ในช่วงเริ่มต้นใหม่ของรอบการลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็น เราเชื่อว่าความต่อเนื่องระยะยาวของการสร้างฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้กำไรของบริษัทฯยกตัวสูงขึ้นมากในช่วงเวลาถัดไป และเรายังคงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะเติบโต 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายธนพงษ์ กล่าว