“โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล” ฟอร์มแรงต่อเนื่อง โกยกำไรสุทธิ Q2/67 ที่ 38.7 ลบ. โต 23.3% YOY หลังรายได้โตแรงในธุรกิจหลักกลุ่มสินค้าความงามโตแรงอย่างต่อเนื่อง รายได้จากช่องทางออนไลน์โตสนั่น 182.5% จ่ายปัน ผล 0.10 บาทต่อหุ้น ขึ้น Record date 29 ส.ค. 67
คุณวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 308.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.3 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 29.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 238.5 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 อยู่ที่ 38.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 23.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 27.4 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทจะจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 29 สิงหาคม 2567 และจ่ายปันผลในวันที่ 13 กันยายน 2567
การเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากการเติบโตของธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม หรือ Beauty care เติบโตต่อเนื่อง 34.3% และเป็นการเติบโตจากทุกช่องทางจัดจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ e-Commerce ที่เติบโตสูงถึง 182.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือ Skincare มีแบรนด์หลักอย่าง Rojukiss ที่เติบโตสูงถึง 62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ Treatment Masks, Sleeping Masks, Pre-serum Toner และ Serum Cleanser ส่วนผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายอยู่แล้วในปัจจุบันทั้งกลุ่มพรีเมี่ยมแมสภายใต้แนวคิด Clinical Grade และกลุ่มสินค้าเน้นความคุ้มค่า Affordable Base ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการทำการตลาดดิจิตอลและกิจกรรมส่งเสริมการขาย เฉพาะช่องทางออนไลน์ e-Commerce มีการเติบโตสูงมากถึง 182.5%จากการทำการตลาดโดยเน้นรีวิวสินค้าจาก KOL/KOC การขายผ่านทาง Live Streaming รวมทั้งช่องทางจำหน่ายทางพันธมิตรเครือข่ายออนไลน์ (Affiliate) สำหรับช่องทางออฟไลน์เติบโต 22.2% โดยมีช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ Modern Trade เติบโตสูงถึง 27.7%
ในส่วนของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมีปัจจัยหลักมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ความงามที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและจากการที่บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายการขายและการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 12.5% จากเดิม 11.5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2567บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นบริหารจัดการค่าใช้จ่ายการขายและการบริหารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรของบริษัท