จีเอเบิล (GABLE) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ยังคงความแข็งแกร่งและเติบโต โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 1,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากไตรมาส 2/2566 และเพิ่มขึ้น 68% จากไตรมาส 1/2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% จากไตรมาส 2/2566 และเพิ่มขึ้น 878% จากไตรมาส 1/2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 633 จากไตรมาสก่อน
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า ไตรมาสสองปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ ยังคงมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้ และกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 75% ของบริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด (Round 2 Solutions) คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 330 ล้านบาท จากเงินทุนบางส่วนที่ได้จาก IPO หวังช่วยเสริมให้ จีเอเบิล ในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์มุ่งก้าวสู่ผู้นำ Smart Business Application Provider ในประเทศไทย โดยนำเอานวัตกรรมแห่งเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ระดับโลกทั้งระบบ ERP (Enterprise Resources Planning) และ CRM (Customer Relationship Management) แบบครบวงจร ตอบโจทย์กลยุทธ์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการวางโครงสร้างการเชื่อมต่อระบบ ERP และ CRM Platform มากว่า 10 ปี มีฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่มากกว่า 40 ราย ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด สามารถผสานการเชื่อมต่อให้เข้ากับระบบแอปพลิเคชัน ระบบปฏิบัติการ รวมถึงระบบต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้าน Digital Transformation ให้กับจีเอเบิล ตั้งแต่การให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยี การวางโครงสร้างพื้นฐานทาง ไอที การให้บริการเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ระดับโลก ที่เป็นตัวช่วยในการเพิ่มศักยภาพการเข้าแข่งขันในโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ร่วมกันและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด มีรายได้จากการขายและให้บริการ 236 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 18 จากปีก่อน นอกจากนี้มีอัตรากำไรขั้นต้น ร้อยละ 29 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10
นางสาวรวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ การเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง สำหรับในไตรมาส 2/2567 รายได้จากการขายและบริการ 1,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 68 จากไตรมาสก่อน นอกจากนี้มีกำไรจากการดำเนินงาน 119 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 878 จากไตรมาสก่อน กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 633 จากไตรมาสก่อน หากไม่นับรวมรายการภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี ที่กลุ่มบริษัทฯ ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ จึงรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ในไตรมาสนี้ 29 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 976 จากไตรมาสก่อน ขณะกลุ่มบริษัทฯ มีแบ็คล็อค และยอดขายที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงในระดับ 5,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากไตรมาส 2/2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคต และมี Backlog ที่พร้อมรองรับรายได้ในปี 2567 แล้วกว่า 2,066 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของเป้าหมายรายได้ในช่วงที่เหลือในปี 2567
จากความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และการมีวินัยทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ โดยมีอัตราส่วนที่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนในระดับต่ำเพียง 0.58 เท่า และมีกระแสเงินสดแข็งแกร่งมากกว่า 1,100 ล้านบาท ที่พร้อมรองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ ลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ
การเข้าถือหุ้นใหญ่ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของจีเอเบิล และเป็นปรากฏการณ์สำคัญอีกครั้งของวงการ Tech ในประเทศไทย เนื่องจากเข้าลงทุนในครั้งนี้จะทำให้จีเอเบิลเป็นองค์กรที่มีบริการต่างๆ ที่ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกภาคธุรกิจองค์กรแบบ End-to-end ซึ่งในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่เจ้า ด้วยความเชี่ยวชาญด้าน Business Application ของบุคลากร Round 2 Solutions กว่า 100 คน ประกอบกับความเชี่ยวชาญในด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัลของบุคลากรจีเอเบิลกว่า 1,500 คน ที่มีมาอย่างยาวนาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานต่างๆ ของทุกธุรกิจองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนให้ดียิ่งขึ้นและพร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามสมการที่ว่า Sustainable Growth = Smart + Secure” ดร.ชัยยุทธ กล่าวสรุป