กระแสเกาหลีฟีเวอร์ยังคงเป็นที่นิยมในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเพลง K-Pop หรือซีรีส์เกาหลี ยังคงมีอิทธิพลต่อคนไทยอย่างยิ่ง ทั้งอาหาร การท่องเที่ยว แฟชั่น หรือแม้แต่สไตล์หน้าผมต่างๆ ก็ขอให้ได้กลิ่นอายเกาหลีบ้าง
ใครที่เคยไปเยือนประเทศเกาหลีอาจจะคุ้นเคยกับแบรนด์ JUNO HAIR (จูโน แฮร์) กันมาบ้าง ซึ่งเป็นแบรนด์ซาลอนอันดับ 1 ในเกาหลี ก่อตั้งโดย “คัง ยุน ซัน” ตำนานแฮร์สไตลิสต์ชื่อดัง เปิดมาแล้ว 42 ปี ตั้งแต่ปี 2525 มีสาขากว่า 180 แห่งทั่วเกาหลี
ตอนนี้ JUNO HAIR ได้เข้ามาเปิดสาขาที่ไทยแล้วเรียบร้อย บริหารงานโดยบริษัท โซวัน จำกัด เปิดสาขาแรกที่โรงแรมกราฟ ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นพื้นที่ของธุรกิจในเครือ บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร สาขานี้จะเป็นแฟลกชิปสโตร์ เพื่อนำร่องสู่สาขาอื่นๆ ในอนาคต
แต่เดิม 2 พาร์ทเนอร์ โชติกร ปัญจทรัพย์ และภูริวัจน์ จิตติวัชราทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทโซวัน จำกัด มีธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว ทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี รวมถึงโรงแรมกราฟ (Graph Hotel) ด้วยเช่นกัน แต่มองเห็นโอกาสของธุรกิจซาลอนสไตล์เกาหลีระดับพรีเมียมในประเทศไทย ที่ยังไม่มีผู้เล่นใหญ่ในตลาด และยังไม่มี Top of Mind เท่าไหร่
จึงสนใจ JUNO HAIR ที่เป็นเบอร์ 1 ในเกาหลี เป็นตำนานที่หลายคนรู้จัก โดยได้ทำการพูดคุยราว 2 ปี ถึงได้เปิดให้บริการสาขาแรกได้ โดยโมเดลธุรกิจเป็นการซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่ JUNO HAIR ออกนอกเกาหลี ต่อจากจีน สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ และเป็นประเทศแรกที่ใช้โมเดลแฟรนไชส์ ประเทศอื่นเป็นโมเดลการร่วมทุน
จุดเด่นของร้าน JUNO HAIR คือมาตรฐานแบบเดียวกันทุกสาขา แม้จะทำผมอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็เหมือนอยู่ในกรุงโซลได้ เพราะพนักงานต้องได้รับการเทรน 3 เดือน เพื่อให้บริการในรูปแบบเดียวกัน มาตรฐานเดียวกัน
สำหรับการออกแบบร้าน JUNO HAIR ที่โรงแรมกราฟ รัชดาภิเษก เป็นการถอดแบบมาจากซาลอนผมที่เกาหลี คลุมโทนด้วยสีขาว น้ำตาล และทอง เพื่อประสบการณ์หรูหรา อบอุ่น ผ่อนคลาย ทุกพื้นที่ของซาลอน ทีมงานจากเกาหลีใต้ จะมาร่วมให้คำแนะนำในการกำหนดสัดส่วน และตำแหน่งจัดวางของ เก้าอี้ทำผม กระจกเงา และอุปกรณ์ของช่างทำผมที่ส่งตรงจากเกาหลีเช่นกัน
สาขานี้ใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท โดยมีการตั้งเป้าใช้งบลงทุน 300-500 ล้านบาทในการขยายสาขาอีก 20 แห่ง ภายใน 10 ปี ในช่วงแรกเน้นที่ทำเล CBD ใจกลางกรุงเทพฯ ก่อน โดยสาขาต่อไปอาจจะได้เห็นที่โครงการ ONE BANGKOK และ Dusit Central Park เน้นโลเคชั่นที่มีทราฟฟิกผู้ใช้บริการเยอะ และประชากรในละแวกนั้นมีกำลังซื้อสูง
มีการประเมินว่าตลาดซาลอนในประเทศไทยมีมูลค่า 60,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการราว 120,000 ราย โดยที่ JUNO HAIR ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาดที่ 5-7%