“เบบี้แอนด์มัม” ตอกย้ำผู้นำอันดับ 1 ผลิตภัณฑ์บำรุงเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก เปิดตัว “เฟอร์ตี้รสชาไทย” โปรตีนบำรุงเตรียมตั้งครรภ์เจ้าแรกที่มียอดขายอันดับหนี่ง 6 ปีซ้อน

เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) ตอกย้ำผู้นำอันดับ 1 ผลิตภัณฑ์บำรุงเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากรายแรกในไทย ด้วยยอดขาย 204 ล้านบาท ชูโปรดักส์เรือธง “เฟอร์ตี้ (Ferty)” โปรตีนบำรุงเตรียมตั้งครรภ์เจ้าแรกในไทยที่มียอดขายอันดับหนี่ง 6 ปีซ้อน เปิดตัวโปรตีนรสชาติใหม่ “เฟอร์ตี้รสชาไทย” ผ่านกระบวนการ Decaffeination สกัดคาเฟอีนออกเพิ่มทางเลือกกับผู้บริโภคพร้อมส่งเสริมผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ให้ได้รับโปรตีนที่พอเพียง โดยตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดบำรุงเตรียมตั้งครรภ์ 80% ในปี 2568

นายเรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า เบบี้แอนด์มัม คือ ผู้นำอันดับ 1 ผลิตภัณฑ์บำรุงเตรียมตั้งครรภ์และเป็นผู้บุกเบิก (First Mover) ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากรายแรกในไทย ด้วยเล็งเห็นโอกาสจากดีมานด์ในตลาดเตรียมตั้งครรภ์ของผู้มีบุตรยากที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากคู่สมรสหลายคู่มีภาวะมีบุตรยากสูงขึ้น จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ความเครียด ความเร่งรีบ โภชนาการ การพักผ่อนรวมถึงการแต่งงานที่ล่าช้าและเลือกที่จะมีบุตรเมื่อมีความพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่มักพบในวัยที่มีอายุมากเกิน 35 ปี และเป็นช่วงวัยที่มีภาวะเจริญพันธุ์ถดถอย ส่งผลทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะมีบุตรยาก จึงทำให้คู่แต่งงานหลายๆ คู่ ที่มีความพร้อมที่จะมีบุตรหันมาให้ความสำคัญในการบำรุงเตรียมความพร้อมทางร่างกายก่อนมีบุตรทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมากขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง 10 – 15 % ต่อปี ขณะเดียวกันตลาดผู้มีบุตรยากชาวต่างชาติจะโตมากขึ้นในไทย แม้เทคโนโลยีรักษาผู้มีบุตรยากทั่วโลกทันกันหมดก็จริง แต่หมอไทยบริการดี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้ตลาดเตรียมตั้งครรภ์โตตามไปด้วย

โดยเบบี้แอนด์มัมเป็นผู้นำแหล่งความรู้เตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากซึ่งกลยุทธ์สำคัญของเบบี้แอนด์มัมคือ การทุ่มเทไปกับการค้นคว้าข้อมูลงานวิจัยด้านโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ มุ่งเน้นให้ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องการเจริญพันธุ์ และงานวิจัยที่ถูกต้องและทันสมัย คัดกรองและนำมาเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้มีบุตรยาก โดยทีมนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ นำโดย “ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์” เจ้าของเเบรนด์ คือเเม่เหล็กและมีตัวตน ผู้บริโภคจับต้องและเข้าถึงได้ เป็นผู้มีบุตรยากและมีประสบการณ์จริง เป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา เป็นทั้งครู เป็นทั้งเพื่อนของแม่ ๆ ผู้ติด ตามทุกคน ทานจริง ทำจริง ศึกษาคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยความจริงใจและหวังดีต่อผู้มีบุตรยากท่านอื่นๆ ที่อยากให้ประสบความสำเร็จสมหวังมีบุตรอย่างตั้งใจ พร้อมตอบทุกถามโดยครูก้อยเองคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามหลักวิทยาศาสตร์และงานวิจัยเสริมภาวะเจริญพันธุ์ นอกจากนี้เบบี้แอนด์มัมยังไม่หยุดยั้งพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก โดยเข้าร่วมงานสัมมานาทางวิชาการเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ชั้นนำในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็นประเทศออสเตรเลียและฮ่องกงอย่างต่อเนื่องและนำความรู้มาเผยแพร่ให้กับผู้บุตรยากท่านอื่นๆในเพจ พร้อมนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงเตรียมตั้งครรภ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาด้านโภชนาการของผู้มีบุตรยากอีกด้วย

นายเรืองศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตลาดบำรุงเตรียมตั้งครรภ์จะโตอีกมาก เพราะค่าหมอทำเด็กหลอดเเก้วราคาสูง ผู้ที่มีบุตรยากไม่อยากทั้งเสียเงิน และเสียใจ เสียเวลา จึงจะหันมาเพิ่มโอกาสสำเร็จ ด้วยการเตรียมตัวบำรุงร่างกายก่อนไปพบแพทย์ โดยหากประเมินภาพรวมตลาดโภชนาการและอาหารเสริมเตรียมตั้งครรภ์มีมูลค่าราว 300 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายขึ้นและคาดว่าจะโตได้อีก 10 ถึง 15% ต่อปี โดยปัจจุบันเบบี้แอนด์มัม ถือส่วนแบ่งตลาด 70 % ที่ 204 ล้านบาท อ้างอิงข้อมูลการยื่นงบการเงินปี 2566 จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ โดยแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงเตรียมตั้งครรภ์เป็น 4 กลุ่ม คือ

– หมวดหมู่โปรตีนเตรียมตั้งครรภ์ (Ferty และ Ferta) 60 ล้านบาท
– หมวดหมู่เครื่องดื่มสุขภาพเตรียมตั้งครรภ์ (น้ำมะกรูดครูก้อย) 57 ล้านบาท
– หมวดหมู่วิตามินเตรียมตั้งครรภ์ (OvaAll) 55 ล้านบาท
– หมวดหมู่บำรุงเตรียมตั้งครรภ์ อื่นๆ 32 ล้านบาท

โดยโปรตีนบำรุงเตรียมตั้งครรภ์ เป็นเซกเม้นต์ที่ใหญ่สุดของบริษัทและมียอดขายเป็นอันดับ 1 และเป็นโปรตีนสำหรับเตรียมตั้งครรภ์เจ้าแรกในไทยมีทั้งสำหรับบำรุงหญิงและบำรุงชาย โดยมี 3 SKUs ได้แก่ โปรตีน เฟอร์ตี้ (Ferty)  ใน 1 กล่อง คละ 4 รส ได้แก่ รสช็อคโกแลต รสสตรอว์เบอร์รี่ รสวนิลานมข้าว รสเมล่อนญี่ปุ่น และ เฟอร์ตี้ คอฟฟี่ (Ferty Coffee)รสกาแฟที่มีการสกัดคาเฟอีนออก นอกจากนี้ยังมี เฟอร์ต้า (Ferta)โปรตีนผสมมัลติวิตามินสำหรับผู้ชายอีกด้วย และจากการทำรีเสิร์ชเก็บข้อมูลเดต้าของลูกค้า พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ชื่นชอบทานโปรตีนเสริมอาหารที่มีรสชาติที่หลากหลาย และชื่นชอบรสชาไทยเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังเป็นรสชาติที่คนต่างชาติรู้จักและชื่นชอบอีกด้วย ทางบริษัท ฯ จึงได้คิดค้นและพัฒนา “เฟอร์ตี้รสชาไทย (Ferty Cha Thai Flavour)”ที่ทำการสกัดคาเฟอีนออกเพื่อให้ผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ได้เพลิดเพลินกับการดื่มโปรตีนรสชาไทยที่ชื่นชอบโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของคาเฟอีนต่อการตั้งครรภ์

ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ กรรมการบริหาร บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และครูวิทยาศาสตร์ผู้ก่อตั้งเพจให้ความรู้เตรียมตั้งครรภ์ยืนหนึ่งในใจมีบุตรยาก https://www.facebook.com/BabyAndMom.co.th กล่าวเสริมว่า จากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์พบว่าการบริโภคคาเฟอีนของคุณแม่ตั้งครรภ์ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ โดยการบริโภคคาเฟอีนในปริมาณ 100 มก.ต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตร 14% เพิ่มความเสี่ยงทารกเสียชีวิตในครรภ์ 19% เพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยลง 7% และยังเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้ทารกมีการโตช้าในครรภ์ 10% อ้างอิงงานวิจัยเรื่อง Maternal caffeine consumption and pregnancy outcomes: a narrative review with implications for advice to mothers and mothers-to-be. ที่ตีพิมพ์ที่วารสาร BMJ evidence-based medicine ปี 2021 ประเทศไอซ์แลนด์

และที่สำคัญผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ควรได้รับโปรตีนที่เพียงพอ 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพราะในร่างกายมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักถึง 75 % ของน้ำหนักตัว โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงไปเซลล์สืบพันธุ์ เซลล์ไข่ ผนังมดลูก โดยมีรายงานวิจัยที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับการทานโปรตีนที่เพียงพอช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์หลากหลายฉบับอาทิ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Frontier in Public Health ปี2018 ศึกษาพบว่า อาหารที่ถูกหลักโภชนาการส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ที่เพิ่มขึ้น (Influence of Diet on Fertility) โดย “โปรตีน” เป็นสารอาหารหลักที่ขาดไม่ได้ ที่ช่วยบำรุงเซลล์ไข่ ช่วยให้ไข่ตกปกติ และสำหรับคนที่ทำเด็กหลอดแก้ว การทานโปรตีนเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์อีกด้วย  และงานวิจัยศึกษาพบว่า  ผู้หญิงที่ทานโปรตีนจากพืช ไขมันดี และวิตามินแร่ธาตุครบถ้วนมีความเสี่ยงเรื่องภาวะไข่ไม่ตกลดลงถึง 66% นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเรื่อง Protein intake and ovulatory infertility ของ Harvard School of Public Health ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of obstetrics and gynecology ปี 2008 ศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่เปลี่ยนการรับประทานโปรตีนจากสัตว์มาเป็นโปรตีนจากพืช อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการมีบุตรยากเนื่องจากปัญหาเรื่องไข่ไม่ตกได้ถึง 50%

โดย เฟอร์ตี้รสชาไทย(Ferty Cha Thai Flavour) ผ่านกระบวนการ Decaffeination ที่สามารถสกัดคาเฟอีน ออกได้มากกว่า 97% ทำให้คุณแม่สามารถดื่มด่ำกับรสชาติหอมกรุ่นของชาไทยแท้ และได้ประโยชน์จากโปรตีนที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงเตรียมท้องและมีบุตรยากโดยเฉพาะ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของคาเฟอีนต่อการ ตั้งครรภ์เป็นโปรตีนจากพืชผสมมัลติวิตามินที่จำเป็นสำหรับสตรีวางแผนตั้งครรภ์ กว่า 33 ชนิด เช่น โฟลิก วิตามินดี วิตามินอี วิตามินบีรวม กรดอะมิโน เบต้ากลูแคน โคเอนไซม์คิวเทนและอิโนซิทอล เหมาะกับสตรีที่เตรียมตัวมีบุตรโดยไม่เสี่ยงแพ้นมวัวเนื่องจากโปรตีนเฟอร์ตี้ไม่ใช่เวย์โปรตีน แต่เป็นโปรตีนจากพืชเจ้าแรกในไทยที่ถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มผู้หญิงท้องยากที่อยู่ในกระบวนการเตรียมตั้งครรภ์ ตลอดจนถึงช่วงให้นมบุตร

นายเรืองศักดิ์ กล่าวเสริมว่า เฟอร์ตี้รสชาไทย (Ferty Cha Thai Flavour) วางจำหน่ายในราคากล่องละ 2,290 บาท ขนาดบรรจุ 1 กล่อง 12 ซอง ขนาดบรรจุ 1 ซอง 45 กรัม (มีโปรตีน 25 กรัม) ส่วนช่องทางขายนั้น บริษัทฯ โฟกัสช่องทางที่เป็นกลุ่มลูกค้าจริงๆ เนื่องจากพฤติกรรมของกลุ่มผู้มีบุตรยากนิยมศึกษาหาความรู้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เน้นความรู้ ความเข้าใจ ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเลือกที่จะช้อปปิ้งออนไลน์ผ่าน Line OA: @BabyAndMom.co.th ของบริษัทฯ เพื่อความมั่นใจในการสั่งซื้อและป้องกันของปลอม พร้อมเป็นช่องทางที่ใช้สื่อสารกับผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์และผู้มีบุตรยากโดยตรง ในการให้ความรู้เตรียมตั้งครรภ์ตามปัญหาของแต่ละคน รวมถึงเคล็ดลับการบำรุงเตรียมตั้งครรภ์แบบตัวต่อตัว ซึ่งตอบโจทย์ตลาดเตรียมตั้งครรภ์ที่ผู้บริโภคต้องการความรู้ คำปรึกษา และต้องการที่พึ่งจึงทำให้เบบี้แอนด์มัมประสบความสำเร็จจาก “Word of mouth”การบอกต่อแบบปากต่อปาก จากหนึ่งคนที่นำความรู้จากครูก้อยไปปรับโภชนาการตามและสำเร็จแล้วบอกต่อและแนะนำเพื่อน พี่ น้องที่มีบุตรยากมาติดตามความรู้และแนวทางการปรับโภชนาการตามครูก้อยต่อกันไปเรื่อย ๆ

จนทำให้วันนี้เพจ BabyAndMom.co.th มีกลุ่มผู้มีบุตรยากติดตามอย่างเหนียวแน่นกว่า 300,000 ราย โดยใช้งบพรีเซนเตอร์ 0 บาท เนื่องจากผู้บริโภคในตลาดนี้ ต้องการข้อมูลที่ลึกและถูกต้อง และมี Success story ของผู้มีบุตรยากจำนวนมากซึ่งเป็นเคสจริง ไม่มีการจ้าง และเป็นเคสคุณภาพไม่ว่าจะเป็นเคสยาก เคสไฮโปรไฟล์ต่างๆ เช่น หมอ อาจารย์ ดอกเตอร์ หรือเซเลบริตี้ ทั้งหมดเป็นเคสจริงไม่ใช่เคสการตลาดจึงทำให้เบบี้แอนด์มัมมีการบริหารต้นทุนการตลาดที่ต่ำผลักดันเบบี้แอนด์มัมเป็นผู้นำในตลาดและทิ้งระยะห่างจากผู้เล่นรายใหม่ๆ ในตลาด โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 ปี 2567 มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 5 % เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนและตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงเตรียมตั้งครรภ์ 80% ในปี 2568 และจะเป็นผู้นำในการขยายก้อนเค้กนี้ให้เพิ่มเป็น 500 ล้านบาท ตามลำดับนายเรืองศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย