Data Cloud มีจำนวนลูกค้าที่จ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้นถึง 130% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากกว่า 2 ควอดริลเลียน รายการต่อไตรมาส
Data Cloud สามารถทำงานกับข้อมูลเนื้อหาในแบบเสียงและวิดีโอที่ไม่มีโครงสร้างและนำมาประมวลผล ทำให้ Agentforce เข้าถึงองค์ความรู้เหล่านั้นได้ง่ายขึ้น เข้าใจเนื้อหาได้ลึกซึ้งมากขึ้น และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คุณสมบัติของ Data Cloud จะช่วยให้สามารถกำกับดูแลและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนสำหรับ Agent ของ Agentforce ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การแท็กและจัดประเภทข้อมูลด้วย AI เพื่อจัดหมวดหมู่ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชุมชนของ ‘Salesforce Datablazers’ ที่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ เป็นพื้นที่สำหรับทั้งผู้นำด้านไอที นักพัฒนา และผู้สนใจ Data Cloud ได้ร่วมพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนตัวอย่างแนวทางปฏิบัติที่ดี รวมถึงเทรนด์ใหม่ ๆ และเครื่องมือการใช้งานล่าสุดเกี่ยวกับ Data Cloud
Salesforce (เซลส์ฟอร์ซ) (NYSE: CRM) ผู้นำ AI CRM อันดับ 1 ยังคงเดินหน้าขยายการใช้งาน Data Cloud ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ Salesforce Platform และรากฐานของ Agentforce อย่างต่อเนื่อง การขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้เป็นผลมาจากความต้องการของธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นในการนำข้อมูลมาผสานและเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เหมาะสมกับสถานการณ์ และมีความทันสมัย ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของ Salesforce อย่างเช่น Customer 360, Flow รวมถึงแอปพลิเคชันด้านการวิเคราะห์ข้อมูล และ Agentforce ซึ่งเป็นชุดตัวแทน AI อัจฉริยะที่ทำงานได้ด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ (Autonomous AI Agents) ของ Salesforce
เพื่อสนับสนุนการเติบโตดังกล่าว วันนี้ Salesforce ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่มากมายสำหรับ Data Cloud ซึ่งเป็นการสานต่อและผลักดันการนำเสนอโซลูชันที่ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นวัตกรรมเหล่านี้ประกอบด้วย การเพิ่มความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) เช่น เนื้อหาในรูปแบบเสียงและวิดีโอจากการประชุมทางไกลและการโทร เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า การใช้มาตรฐานการจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ช่วยให้ทั้งระบบ AI Agent และบุคลากรที่เป็นมนุษย์สามารถเข้าใจและใช้งานข้อมูลได้ตรงกัน นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการค้นหาที่ดีขึ้นโดยคำนึงถึงบริบทของลูกค้าเพื่อค้นพบข้อมูลได้รวดเร็ว และเพิ่มความสามารถการเปิดใช้งานข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที รวมถึงคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแลข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่จำเป็นและรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติการ
Data Cloud เป็นหัวใจหลักของ Salesforce Platform ที่นำข้อมูลเข้าสู่ทุกการใช้งาน Salesforce
ด้วยการเติบโตของ Data Cloud ที่มีจำนวนลูกค้าผู้ชำระเงินซื้อบริการมากขึ้นถึง 130% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้ Data Cloud ถือเป็นผลิตภัณฑ์ภายในบริษัทที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Salesforce โดยในไตรมาสที่สอง Data Cloud สามารถประมวลผลข้อมูลได้ถึง 2.3 ควอดริลเลียน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 147% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า บริษัทชั้นนำมากมาย อาทิ The Adecco Group, Air India, Aston Martin, FedEx, Kawasaki Motors Corp. และ Wyndham Hotels & Resorts ใช้ Data Cloud ในการดำเนินงานทุกวันเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น และใช้ขับเคลื่อนประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร ยกตัวอย่างเช่น Air India ที่นำข้อมูลจากระบบต่าง ๆ อาทิ ระบบสมาชิก ระบบจองตั๋ว และระบบบริหารจัดการเที่ยวบิน มาบูรณาการรวมไว้ด้วยกันด้วย Data Cloud การมีฐานข้อมูลกลางที่ครบถ้วนและน่าเชื่อถือ ทำให้ Air India สามารถบริหารจัดการกรณีเคสการให้บริการลูกค้าได้มากกว่า 550,000 กรณีต่อเดือน
คุณราฮุล ออราดการ์ (Rahul Auradkar) รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป Data Cloud ของ Salesforce กล่าวว่า “ในยุคใหม่ของ AI และ Agent ข้อมูลลูกค้าและเมตาดาต้ากลายเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ายิ่งสำหรับองค์กร ทุกวันนี้มีบริษัทจำนวนมากใช้ Data Cloud ในการรวบรวมข้อมูลทุกด้านของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นจากการติดต่อสื่อสาร การใช้ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงข้อมูลในระบบ IoT หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลลูกค้าแบบครอบคลุมรอบด้าน 360 องศาในทุกช่องทางการสื่อสาร และด้วยการที่ Data Cloud เป็นพื้นฐานข้อมูลของ Salesforce ทำให้บริษัทสามารถนำข้อมูลมาสร้างประสบการณ์ที่เหมาะกับแต่ละคนและตรงใจลูกค้ามากที่สุด”
Data Cloud + Customer 360 + Agentforce: Data Cloud ทำงานกับข้อมูลลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ในแอปพลิเคชัน Customer 360 ของ Salesforce ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Agentforce, Flow หรือ แอปพลิเคชันสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสร้างพื้นฐานในการให้บริการแบบที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ พื้นฐานเหล่านี้ช่วยให้ระบบเริ่มกระบวนการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล สามารถใช้ AI อย่างปลอดภัยในแอปพลิเคชัน และด้วยเทคโนโลยี Zero-copy และ MuleSoft Data Cloud สามารถทำงานกับข้อมูลจากแหล่งที่มามากมายหลายร้อยแห่ง ไม่ว่าจะเป็นดาต้าเลค หรือคลังข้อมูลต่าง ๆ ระบบฐานข้อมูลเวกเตอร์ที่ติดตั้งมาในตัวสามารถแปลงข้อมูลหลากหลายรูปแบบ เช่น จากไฟล์ PDF ข้อความ การโทร และข้อความเสียง ซึ่งมักถูกมองข้ามในข้อมูลลูกค้าถึง 90% ให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมใช้งาน และผสานรวมกับข้อมูลที่มีโครงสร้าง (Structured Data) เพื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบ 360 องศา ซึ่งจัดเก็บเป็นเมตาดาต้าในฐานข้อมูลรวม ด้วยการบูรณาการกับ Salesforce Platform อย่างสมบูรณ์ เมตาดาต้าเหล่านี้จึงสามารถส่งต่อไปยังแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของ Salesforce ได้อย่างราบรื่นตามนโยบายที่กำหนด ทำให้ทุกทีมมีมุมมองลูกค้าแบบ 360 องศา สามารถใช้ AI ที่น่าเชื่อถือ ขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติและวิเคราะห์ข้อมูลในทุกช่องทางการสื่อสาร ด้วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เชื่อถือได้
Data Cloud ยังทำหน้าที่ให้ข้อมูลลูกค้าที่สำคัญเพื่อเป็นพื้นฐานในการทำงานของ Agentforce ซึ่งทำให้ Agent มีความรู้และสามารถปรับตัวต่อความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกค้าที่มีความไม่พอใจติดต่อเข้ามาหา Agentforce Service Agents Data Cloud มีความสามารถ Retrieval-Augmented Generation (RAG) ที่ติดตั้งมาในระบบ ซึ่งสามารถเพิ่มข้อมูลและบริบทแบบเรียลไทม์จากอีเมลในอดีต การขอบริการสนับสนุนแต่ละครั้ง รูปภาพผลิตภัณฑ์ ข้อความเสียง และแหล่งข้อมูลตามที่กำหนดโดยนโยบายการควบคุมที่ตั้งไว้ เพื่อช่วยให้ Agentforce เข้าใจมุมมองของลูกค้าได้ดีขึ้น หลังจากนั้น Data Cloud จะค้นหาบทความความรู้ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกค้า เพื่อช่วยให้ Agentforce แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและตรงประเด็น เมื่อความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป Data Cloud จะแนะนำขั้นตอนการดำเนินการต่อไปที่เหมาะสม เช่น ส่งอีเมลติดตามอัตโนมัติ หรือส่งสรุปการสนทนาไปยังพนักงานที่ให้บริการลูกค้าต่อไป สุดท้าย Tableau Semantics จะทำให้ AI และพนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยใช้นิยามและความหมายของข้อมูลชุดเดียวกัน
นวัตกรรมและการเพิ่มเติมใหม่ ๆ: ลูกค้า Data Cloud สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างครอบคลุมบนทุกแอปพลิเคชันของ Salesforce ได้แก่
การสนับสนุนเนื้อหาออดิโอและวิดีโอที่ไม่มีโครงสร้าง: ด้วย90% ของข้อมูลลูกค้าอยู่ในรูปแบบที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น เสียงจากการโทรศัพท์ วิดีโอสัมมนา คลิปสาธิตสินค้า แบบสำรวจความคิดเห็น ข้อความเสียง และการประชุมผ่านเว็บ ด้วยความสามารถนี้ ธุรกิจและ AI สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้ โดยรวบรวมและค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ช่วยให้เข้าใจประวัติ ความชอบ และพฤติกรรมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ Agentforce สามารถให้บริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
o ตัวอย่างเช่น ทีมขายสามารถวิเคราะห์การบันทึกการโทรขายสินค้า เพื่อระบุข้อโต้แย้งที่ลูกค้ามักพบบ่อย จากนั้นปรับปรุงการนำเสนอให้สามารถตอบข้อโต้แย้งเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการขายให้สูงขึ้น
Data Cloud ได้ขยายความสามารถในการเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลต่าง ๆ: ด้วยแนวคิดที่ว่า Data Cloud จะเป็นระบบเปิดและสามารถขยายได้ องค์กรต่างๆ สามารถนำข้อมูลของตนเองมาใช้งานร่วมกับ Data Cloud ได้ง่ายขึ้น ด้วยตัวเชื่อมต่อสำเร็จรูปที่สร้างไว้ล่วงหน้าสำหรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Square, Stripe, Meta, Splunk และอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนเสริมให้กับระบบนิเวศตัวเชื่อมต่อที่มีอยู่แล้วและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รองรับการเชื่อมต่อกับ data lake คลังข้อมูล และระบบของบริษัทอื่น ๆ นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างจาก Google Drive, Microsoft SharePoint, Confluence และ Sitemap เพื่อนำเข้าสู่ Data Cloud ได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้ตัวเชื่อมต่อสำเร็จรูปที่มาพร้อมกับ MuleSoft Direct for Data Cloud เครื่องมือนี้ช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ด้วย และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าแต่ละราย
ข้อมูลที่สามารถประมวลผลได้ด้วยความรวดเร็วสูงมาก: ด้วยสถิติที่แสดงว่ามีถึง 62% ของผู้นำด้านไอทีที่ตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน ทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ รวบรวม วิเคราะห์ และดำเนินการบนข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่าน Salesforce ได้ในปัจจุบัน ซึ่งขับเคลื่อน Einstein Personalization ที่ทำงานบน Data Cloud พร้อมให้คำแนะนำจาก AI แบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์ข้อมูล และการทำงาแบบอัตโนมัติ เพื่อการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และปรับปรุงประสบการณ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ทันที
ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนที่ช่วยแก้ปัญหาอุปกรณ์ให้ลูกค้า สามารถเข้าถึงข้อมูลเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ ประวัติการซ่อมบำรุง และประวัติการแก้ปัญหาในอดีตได้โดยตรงจาก Service Cloud หากเซ็นเซอร์ของอุปกรณ์หยุดส่งข้อมูล ระบบจะแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ทันที ทำให้สามารถวินิจฉัยสาเหตุและแนะนำวิธีแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาหยุดการทำงานให้น้อยที่สุด
การกำกับดูแลและความปลอดภัยสำหรับข้อมูลและ AI ที่เชื่อถือได้: คุณสมบัตินี้จะช่วยปกป้องการดำเนินงานขององค์กร จัดการระบบการกำกับดูแลในระดับที่ใหญ่ขึ้นและป้องกันการรั่วไหลข้อมูลสู่บุคคลภายนอกระหว่างใช้งาน AI อีกทั้งยังปรับปรุงการจัดการ รักษาความปลอดภัย และการแบ่งปันข้อมูลทั้งที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างกับแอปพลิเคชัน AI และบนแพลตฟอร์มได้อย่างปลอดภัย
AI Tagging และการจำแนกประเภท ช่วยจัดระเบียบข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructed Data)ให้เป็นระบบได้อย่างอัตโนมัติ โดยการติดแท็กและจำแนกประเภทข้อมูลตามนโยบายขององค์กร ทำให้ข้อมูลมีความสอดคล้องกันมากขึ้น ง่ายต่อการกำกับดูแล และทั้งระบบ AI และผู้ใช้สามารถค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
o การกำกับดูแลตามนโยบายช่วยให้เราสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ โดยการกำหนดนโยบายความปลอดภัยที่ละเอียดและเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะอนุญาตให้กลุ่มผู้ใช้ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามสิทธิ์ที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากแท็ก ข้อมูลเมตาดาต้า และคุณสมบัติของผู้ใช้นั้น ๆ ระบบที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายนี้ จะทำให้มั่นใจได้ว่าทั้งผู้ใช้ทั่วไปและระบบ AI สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะในส่วนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
o การใช้กุญแจเข้ารหัสที่องค์กรจัดการเอง ช่วยให้องค์กรมีอำนาจในการควบคุมกุญแจเข้ารหัสของตนเอง ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะยังคงถูกเข้ารหัสอย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะนำไปใช้งานในลักษณะใด
o Private Connect for Data Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถแบ่งปันและรวบรวมข้อมูลระหว่าง Data Cloud กับคลาวด์สาธารณะได้อย่างปลอดภัย โดยมีการสร้างเส้นทางเชื่อมต่อเครือข่ายแบบปลอดภัยโดยตรงระหว่างกัน ทำให้สามารถส่งผ่านข้อมูลข้ามเครือข่ายได้อย่างปลอดภัย โดยข้อมูลยังคงความถูกต้องครบถ้วนเช่นเดิม
Tableau Semantics: องค์กรสามารถจัดระบบข้อมูลให้เป็นระเบียบตามความหมายและความสัมพันธ์ของข้อมูลนั้น ๆ โดยสร้างแบบจำลองมาตรฐานเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจ ใช้งาน และดำเนินการกับข้อมูลได้อย่างถูกต้องตรงกัน ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะมาจากแหล่งใดก็ตาม
o ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลสามารถทำให้ข้อมูลของผู้ป่วยในแต่ละแผนกมีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้มั่นใจว่าผลการตรวจ ภาพเอกซเรย์ และบันทึกของแพทย์จะถูกเชื่อมโยงและเข้าใจในบริบทเดียวกัน ไม่ว่าจะมีการใช้คำย่อ คำผิด หรือคำที่มีความหมายเหมือนกัน
การค้นหาแบบไฮบริด: องค์กรสามารถค้นหาข้อมูลที่ตรงกับความต้องการมากที่สุดในฐานความรู้ได้ด้วยการใช้วิธีการค้นหาแบบไฮบริด ซึ่งผสมผสานการค้นหาตามความหมายของเนื้อหา (vector search) เข้ากับการค้นหาคำสำคัญ (keyword search) การค้นหาตามความหมายจะช่วยจับประเด็นหลักและความเชื่อมโยงของข้อความ ขณะที่การค้นหาคำสำคัญจะตรวจจับคำศัพท์เฉพาะ เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์หรือคำย่อต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ทำให้การค้นหาข้อมูลจากสื่อประเภทต่าง ๆ เช่น PDF รูปภาพ เสียง และวิดีโอ รวดเร็วและง่ายขึ้น
o ยกตัวอย่างเช่น Agentforce สามารถนำหมายเลขชิ้นส่วนที่ปรากฏในรูปภาพที่ลูกค้าส่งมา มาใช้ค้นหาบทความความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ซึ่งจะช่วยให้พนักงานสนับสนุนสามารถแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
Data Cloud One: ช่วยให้องค์กรเชื่อมต่อระบบ Salesforce orgs ที่แยกกันตามแผนก ภูมิภาค หรือหน่วยธุรกิจ เข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย โดยใช้การตั้งค่าแบบคลิกเพื่อเลือกเท่านั้น ไม่ต้องเขียนโค้ดยุ่งยาก ด้วย Data Cloud One องค์กรสามารถสร้างแหล่งข้อมูลกลางที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ในรูปแบบ Data Cloud เพียงตัวเดียว แล้วนำมาใช้งานร่วมกันได้ทุกระบบ Salesforce ทำให้สะดวกในการแบ่งปันข้อมูล ใช้ระบบอัตโนมัติ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และอื่น ๆ โดยไม่ต้องสร้าง Data Cloud แยกสำหรับแต่ละระบบ
o ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารฝ่ายขายที่ต้องการมีข้อมูลลูกค้าแบบ 360 องศา ไม่จำเป็นต้องให้ทีมงานเขียนโค้ดเพื่อรวบรวมข้อมูลจาก Data Cloud ข้าม Salesforce orgs อีกต่อไป แทนที่จะใช้ Data Cloud ศูนย์กลางเพียงแห่งเดียว ซึ่งสามารถสนับสนุนแต่ละ org ด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น โดยเสริมข้อมูลโปรไฟล์การขายให้กับ Salesforce orgs ทั้งหมดได้
ชุมชนด้านข้อมูล: Salesforce เปิดตัวชุมชนออนไลน์ Datablazer community เพื่อเชื่อมโยงผู้นำด้านไอทีและธุรกิจ นักพัฒนา และผู้ที่สนใจ Data Cloud ชุมชนนี้เป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ แบ่งปันประสบการณ์ และติดตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด แนวโน้ม และเครื่องมือใหม่ล่าสุด เพื่อเพิ่มมูลค่าจากข้อมูลให้ได้มากที่สุด
มุมมองของลูกค้า
Matthew Randall, Head of Software and Integration, Aston Martin กล่าวว่า “Salesforce ช่วยให้เรารวบรวมข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากทุกส่วนงานในองค์กร เพื่อนำเสนอประสบการณ์คุณภาพที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า Aston Martin ทั้งปัจจุบันและอนาคต พร้อมกับสร้างประสบการณ์ส่วนตัวในระดับ VIP ให้ตรงตามที่ลูกค้าคาดหวังไว้ ทั้งนี้เพื่อให้เราเติบโตและประสบความสำเร็จในยุคของ AI”
Caroline Basyn, Chief Digital and IT Officer, The Adecco Group กล่าวว่า “เราเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการสรรหาบุคลากร จัดหางาน และให้คำปรึกษาทางวิชาชีพ หน้าที่หลักของเราคือการจับคู่ผู้มีความสามารถกับบริษัทและโอกาสงานที่น่าตื่นเต้นทั่วโลก ทุกวันนี้เราได้เชื่อมโยงบุคคลากรกว่า 700,000 คนให้ได้งานที่ตรงกับทักษะของพวกเขา เรากำลังก้าวสู่การนิยามรูปแบบการทำงานในอนาคตใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในกระบวนการสรรหาบุคลากร ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อพนักงานกับข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน Data Cloud ทำให้พนักงานกว่า 27,000 คนสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างราบรื่น เพื่อจับคู่ทักษะกับบทบาทหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม”
Wyndham ต้องการได้รับการดูแลเป็นรายบุคคล Salesforce ช่วยให้พนักงานจองห้องพักของเรามีข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับผู้เข้าพักแต่ละท่าน เพื่อสามารถให้บริการส่วนตัวได้อย่างเหมาะสม โดยพิจารณาจากประวัติการพัก สถานะสมาชิก และข้อมูลจากคำขอในอดีต ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Salesforce โดยเฉพาะ Data Cloud ที่ช่วยรวบรวมและจัดระเบียบข้อมูลผู้เข้าพักจากระบบจองห้องพักของเรา เมื่อข้อมูลถูกนำมารวมไว้ด้วยกัน พนักงานก็สามารถเข้าถึงประวัติการจองห้องพักของผู้เข้าพักได้ทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นคำขอห้องพิเศษ สถานะสมาชิก หรือข้อมูลอื่น ๆ ทำให้การให้บริการมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น”
ระยะเวลาที่คาดว่าจะเปิดให้บริการ
นวัตกรรมใหม่ของ Data Cloud เหล่านี้จะเปิดให้บริการในรูปแบบทั้งการทดลองนำร่อง (pilot) เบต้า (beta) หรือเปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไป (general availability) โดยจะเริ่มให้บริการภายในระยะเวลาที่แตกต่างกัน ดังนี้
ปัจจุบัน:
Customer-managed keys พร้อมให้บริการแล้ว
Sub-second real-time layer พร้อมให้บริการแล้ว ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ผ่านการเพิ่ม sub-second real-time profiles add-on
MuleSoft Direct for Data Cloud จะเปิดให้ทดลองใช้งานในรอบเบตาช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 และจำเป็นต้องมีใบอนุญาต MuleSoft Anypoint Platform จึงจะใช้งานได้
รายการคอนเนกเตอร์ที่พร้อมให้บริการแล้วทั้งหมดและอยู่ในช่วงเบตา สามารถดูได้ใน Data Cloud Connectors Directory
ในเดือนตุลาคม 2567:
ความสามารถในการประมวลผลเนื้อหาแบบไม่มีโครงสร้างจากไฟล์เสียงและวิดีโอ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงนำร่องการใช้งาน จะพร้อมใช้งานทั่วไป
Data Cloud One จะพร้อมใช้งานทั่วไป
ในเดือนพฤศจิกายน 2567:
การค้นหาแบบไฮบริด ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงนำร่องการใช้งาน จะพร้อมใช้งานทั่วไป
AI Tagging และ AI Classification จะเปิดให้ทดลองใช้งานในรอบเบตา
Policy-based Governance สำหรับการกำหนดนโยบายการใช้งาน จะเปิดให้ทดลองใช้งานในรอบเบตา
Private Connect for Data Cloud จะพร้อมใช้งานทั่วไป
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568:
· Tableau Semantics ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงนำร่องการใช้งาน จะพร้อมใช้งานทั่วไป
ข้อมูลเพิ่มเติม:
กรณีการใช้งาน Data Cloud ต่าง ๆ
การกำกับดูแลข้อมูลสำหรับองค์กรที่ใช้ AI
เข้าร่วมชุมชน Datablazer ใหม่และ Trailblazer
วิธีที่ Wyndham จองได้รวดเร็วขึ้นด้วย Data Cloud
วิธีที่ FedEx เพิ่มรายได้จากธุรกิจขนส่งด้วย Data Cloud
*บริการหรือฟีเจอร์ใด ๆ ที่กล่าวถึงและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้นยังคงไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ โดยการเปิดตัวอาจล่าช้ากว่ากำหนดที่ระบุไว้ หรืออาจไม่มีการเปิดตัว ดังนั้นลูกค้าจึงควรตัดสินใจซื้อบริการโดยพิจารณาจากฟีเจอร์ที่ได้เปิดให้ใช้งานในปัจจุบันแล้วเท่านั้น