เอ้ก ดิจิทัล ผู้นำธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ให้บริการสื่อโฆษณาครบวงจรและการให้คำปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลสัญชาติไทย เผยผลสำรวจความเห็นของผู้บริโภคจาก Nielsen Thailand ชี้ Shoppers’ Digital Screen หรือจอดิจิทัลขนาดยักษ์เป็นสื่อนอกบ้านที่ทรงพลัง ตอบโจทย์ ADVERTISE AT THE HEART OF LIVING เข้าถึงและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคนี้ มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อของนักช้อปถึง 86% และผู้บริโภคให้ความเชื่อถือสิ่งที่แบรนด์สื่อสารถึง 73% พร้อมเปิดผลลัพธ์การใช้สื่อแบบ “The Power of O2” โดยวัดผลแคมเปญของแบรนด์ที่ใช้สื่อ Shoppers’ Digital Screen หรือสื่อนอกบ้าน (Out-of-Home Media) ร่วมกับสื่อ ณ จุดขายในห้าง (On-Premise Media) สามารถช่วยลูกค้าเพิ่มยอดขายได้เฉลี่ย 1.8 เท่า เพิ่มจำนวนลูกค้าได้ถึง 1.0 เท่า นับเป็นสื่อที่ตรงจุด สร้างโอกาสให้กับนักโฆษณายุคนี้ได้เป็นอย่างดี
นายชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Media Convergence บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สื่อที่ใช้ข้อมูลของห้างในการวางแผน หากลุ่มเป้าหมาย และพื้นที่ของห้างค้าปลีกเพื่อทำแคมเปญการตลาด และสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้บริโภคมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างเนื่อง เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Phygital (Digital+Physical) ของผู้บริโภคในยุคนี้ที่มองหาประสบการณ์ รู้ใจเฉพาะบุคคลจากสื่อดิจิทัลและความสนุกตื่นเต้นจากการได้มีประสบการณ์จริงกับสินค้าและร้านค้า ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ไม่มีสื่อไหนทดแทนได้ ดังนั้น เมื่อเดือนกันยายน 2566 บริษัทฯ ได้ขยายบริการเพิ่มสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out-of-Home Media) ที่เรียกว่า Shoppers’ Digital Screen จอดิจิทัลขนาดใหญ่บนจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองสำคัญ 26 จอทั่วประเทศ ด้วยแนวคิด ‘ADVERTISE AT THE HEART OF LIVING’ ที่สามารถตอบโจทย์การสื่อสารให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันอย่างแท้จริง โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งคอมมูนิตี้ที่รายล้อมด้วยที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล และสำนักงาน ช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็น ดึงดูดความสนใจจากผู้สัญจรที่มีแนวโน้มการซื้อสินค้า เสริมทัพสื่อเดิมที่มีสื่อออนไลน์แบบเจาะกลุ่มเป้าหมายรายบุคคล (Online Personalized Media) สื่อ ณ จุดขายในห้างค้าปลีก (On-Premise Media) และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด (On-Ground Activation) เพื่อยกระดับการสื่อสารและโฆษณาให้ตรงใจ เชื่อมต่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ
โดยตลอดระยะเวลา 1 ปี (กันยายน 2566 – สิงหาคม 2567) ที่เปิดให้บริการ Shoppers’ Digital Screen ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการถึง 83 แบรนด์ รวม 103 แคมเปญ มีรายได้ต่อเดือนปีนี้เติบโตถึง 68% เมื่อเทียบกับช่วงการดำเนินงานในปีก่อน จากการวัดผลลัพธ์แคมเปญผ่านข้อมูลยอดขายจริงพบว่า เมื่อใช้สื่อแบบ The Power of O2 ได้แก่ Shoppers’ Digital Screen (Out-of-Home Media) และสื่อในห้างค้าปลีก (On-Premise Media) ช่วยเพิ่มยอดขายในสโตร์ได้ประมาณ 1.8 เท่า และเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ได้ถึง 1.0 เท่า แต่หากเป็นแคมเปญสินค้าใหม่สามารถดันยอดขายในสโตร์ได้สูงถึง 2.8 เท่า และเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ได้ถึง 1.6 เท่า เมื่อเทียบกับสโตร์ที่ไม่มีสื่อ”
ล่าสุด ผลจากการสำรวจความเห็นของผู้บริโภคจำนวน 720 คน ของ Nielsen Thailand ในพื้นที่กรุงเทพและต่างจังหวัด ชี้ว่า Shoppers’ Digital Screen เป็นสื่อที่สามารถสร้างการจดจำแบรนด์และสินค้าให้แก่ผู้รับชมและนักช้อปได้มากที่สุด
86% ของนักช้อปรู้สึกว่าสื่อนอกบ้านหน้าห้างค้าปลีกมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าในห้าง
73% ของผู้บริโภคเชื่อถือข้อความที่สื่อสารผ่าน Shoppers’ Digital Screen เนื่องจากอยู่หน้าห้างค้าปลีกขนาดใหญ่
48% ของผู้บริโภคที่ชมโฆษณาผ่าน Shoppers’ Digital Screen ต้องการซื้อสินค้านั้นๆ
42% ของนักช้อปคาดหวังที่จะเห็นการโปรโมทสินค้าใหม่และแคมเปญโปรโมชันผ่านสื่อนี้
ด้วยแนวคิด ADVERTISE AT THE HEART OF LIVING ที่โดดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าทั้งการตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ และประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้นักช้อปตัดสินใจซื้อได้จริงตามผลสำรวจข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า Shoppers’ Digital Screen เป็นสื่อใหม่ที่ทรงพลังอย่างมาก ตอบโจทย์นักการตลาดที่ต้องวางกลยุทธ์ในการสื่อสารให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย สามารถสร้างการจดจำแบรนด์ในวงกว้างพร้อมกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้า เหมาะกับการโฆษณาเพื่อเปิดตัวสินค้าใหม่และการจัดโปรโมชัน โดยเฉพาะเมื่อใช้สื่อนี้ควบคู่กับสื่อในห้างจะได้ประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“เราเชื่อว่าสื่อโฆษณาของเอ้ก ดิจิทัล โดยเฉพาะ Shoppers’ Digital Screen จะเป็นเครื่องมือที่สร้างประโยชน์รอบด้านให้กับนักโฆษณาและนักการตลาดยุดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาสที่ 4 นี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าขยายบริการไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ นอกกลุ่ม FMCG เช่น ธุรกิจ Beauty & Life Style, ยานยนต์ และธนาคาร” นายชัชพล กล่าวทิ้งท้าย