WWD x SIAM PIWAT” ครั้งแรกของปรากฏการณ์เวทีทอล์กด้าน “แฟชั่น” รวมแบรนด์ดังและไอคอนระดับโลกสู่ประเทศไทย


สื่อแฟชั่นชั้นนำระดับโลก “WWD” จับมือ “สยามพิวรรธน์” ที่สุดแห่งศูนย์การค้าด้านลักชัวรีแฟชั่น จัดเวทีทอล์กบนรันเวย์ “WWD x SIAM PIWAT GLOBAL FASHION SPOTLIGHT” รวมแฟชั่นดีไซเนอร์ ผู้บริหารแบรนด์ลักชัวรีชั้นนำ และไอคอนแฟชั่นระดับโลกร่วมเสวนาบนเวที สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในการปักหมุดประเทศไทยบนแผนที่ด้านแฟชั่น แสดงพลังอุตสาหกรรมการออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่สายตาชาวโลก

งานเสวนา WWD x SIAM PIWAT Global Fashion Spotlight” จัดขึ้นในไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรกโดยจัดภายใต้ธีม “South East Asia – Luxury’s New Future” ถือเป็นปรากฏการณ์การร่วมงานกันระหว่าง Women’s Wear Daily” หรือ “WWD” สื่อแฟชั่นชั้นนำระดับโลก และ “สยามพิวรรธน์” ผู้นำศูนย์การค้าด้านแฟชันลักชัวรีและผู้สร้าง Global Destination ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างต้องมาเยือน

งานครั้งนี้ได้รับเกียรติกล่าวเปิดงานจาก “ชฎาทิพ จูตระกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์  “อแมนด้า สมิธ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แฟร์ไชล์ มีเดีย กรุ๊ป และ “เจมส์ ฟอลลอน” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านคอนเทนต์ WWD และ แฟร์ไชล์ มีเดีย กรุ๊ป

ชฎาทิพ” กล่าวย้อนถึงการทำงานและสั่งสมประสบการณ์กว่า 40 ปีของสยามพิวรรธน์ที่ช่วยฟูมฟักให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายด้านแฟชั่นในวันนี้ และสยามพิวรรธน์ยังทำงานมาตลอด 2 ทศวรรษเพื่อสนับสนุนดึงดูดให้แบรนด์ระดับโลกมาสร้างประสบการณ์ใหม่ของแบรนด์ในเมืองไทย

ในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ยังเป็นผู้จัดงาน “Siam Paragon Bangkok International Fashion Week” เป็นประจำทุกปี และปีนี้ถือเป็นปีที่พิเศษยิ่งกว่าเดิมเพราะเป็นปีแรกที่ได้ร่วมกับ WWD เพื่อจัดเวทีทอล์กด้านแฟชั่น นับเป็นความสำเร็จในการยกระดับให้ประเทศไทยเป็น “Fashion City of Asia”

“ตลอดเวลา 40 ปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์เป็นผู้นำในการยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย ด้วยวิสัยทัศน์แต่แรกเริ่มที่จะพัฒนาแบรนด์ไทยและดีไซน์เนอร์ไทยให้มีความรู้ความสามารถและสร้างธุรกิจเป็นของตนเองได้อย่างแข็งแกร่ง เราได้ขับเคลื่อนผ่านความร่วมมือกับองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนรวมทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เพื่อสร้างองค์ความรู้เรื่องการพัฒนาแฟชั่นไทยและจัดเวทีในการแสดงผลงานรวมทั้งพื้นที่จัดจำหน่ายสินค้าในศูนย์การค้าของเราให้เกิดระบบนิเวศของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยอย่างครบวงจรได้สำเร็จสามารถแจ้งเกิดแบรนด์ไทยชั้นนำตั้งแต่ดีไซเนอร์ไทยระดับบนจนถึงยังก์ดีไซเนอร์หลายร้อยแบรนด์  อีกทั้งได้ต่อยอดนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของเหล่านิสิตนักศึกษาให้เกิดเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน ทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจนับหมื่นล้านบาทและมีการเติบโตของผู้ที่อยู่ในระบบนิเวศของแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยอย่างแข็งแกร่งเป็นที่ประจักษ์แล้วทั่วโลก ตลอดจนก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมแฟชั่นอีกมากมายในวงกว้าง

สยามพิวรรธน์เป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ไทยดีไซเนอร์ทุกยุคสมัยจนถึงวันนี้ได้แสดงศักยภาพและผลงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อร่วมกันผลักดันให้แฟชั่นไทยมีชื่อเสียงบนเวทีโลกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในช่วงวิกฤตการณ์โควิดจนถึงปีนี้ ยอดขายของบรรดา Luxury Brands ที่ล้วนเปิด flagship store ในสยามพารากอนและไอคอนสยาม มียอดขายที่เติบโตหลายเท่าตัว และเป็นอันดับต้นๆ ของโลกจึงทำให้ประเทศไทย กลายเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำคัญที่ Luxury Brands มุ่งเน้นที่จะขยายพื้นที่ร้านเพิ่มขึ้น  และส่งสต็อกสินค้าที่ครบครันรวมถึง limited collections มาจำหน่าย และยังมี luxury แบรนด์ใหม่ๆ กำลังเตรียมตัวที่จะเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย กับศูนย์การค้าในเครือของสยามพิวรรธน์อีกด้วย”

ด้าน “ฟอลลอน” ได้กล่าวถึงการเลือกประเทศไทยเป็นหมุดหมายในการจัดงานเสวนาและการเลือกสยามพิวรรธน์ เกิดจากการเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมในหลายด้าน ไม่แช่แค่แฟชั่นแต่ยังมีเรื่องอาหาร สถานที่ที่สวยงาม รวมถึงแฟชั่นดีไซเนอร์ไทยหลายท่านได้ไปสร้างความสำเร็จมาแล้วในโลกแฟชั่นตะวันตก ขณะที่สยามพิวรรธน์เองเป็นศูนย์การค้าแหล่งรวมแบรนด์ดัง แบรนด์หลักระดับโลกทุกรายต่างเข้ามาเปิดช็อปอยู่ในศูนย์ฯ ของสยามพิวรรธน์แล้วทั้งหมด

งานเสวนาครั้งนี้  ถูกจัดขึ้น ณ ลานพาร์คพารากอน เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ในบรรยากาศของรันเวย์แฟชั่น มีผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่น แฟชั่นดีไซเนอร์ ลูกค้า พันธมิตร สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เพื่อรับฟังการเสวนาทั้ง 3 Panel ในหัวข้อต่อไปนี้


Panel 1: Building Brands for a Global Consumer

เวทีเสวนาชุดแรกเป็นการรวบรวมดีไซเนอร์แบรนด์เอเชียที่เติบโตได้ไกลถึงระดับโลกมาเล่าถึงประสบการณ์ของแบรนด์ เริ่มจาก “วรรณศิริ คงมั่น” Co-Founder and Co-Creative Director ของ BOYY ฉายภาพการก่อตั้งแบรนด์ BOYY ที่เลือกไปบุกเบิกจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2548 ก่อนจะฝ่าฟันจนมีชื่อเสียงมากขึ้นและได้เปิดช็อปของตนเองที่กรุงเทพฯ ในปี 2553 จากนั้น BOYY ท้าทายมากขึ้นจากการเข้าสู่ตลาดยุโรป เป็นช่วงเวลาที่ต้องฝ่าฟันในการสร้างเรื่องราวที่แตกต่างของตัวเองในฐานะแบรนด์ลักชัวรีหน้าใหม่ท่ามกลางแบรนด์เก่าแก่ของยุโรป

ขณะที่ “ลี ซาง บอง” เจ้าของแบรนด์ LIE SANGBONG และดีไซเนอร์ระดับตำนานของเกาหลีใต้ เล่าถึงประสบการณ์ของแบรนด์ที่ถือกำเนิดในยุคที่ดีไซเนอร์เอเชียยังไม่เป็นที่รู้จักและยอมรับ ลียังตอบคำถามเรื่อง ‘นักลงทุน’ ว่าแบรนด์ยังคงไม่ต้องการรับนักลงทุนเข้ามาเพราะมองว่า ‘แฟชั่นคือศิลปะ’ และดีไซเนอร์ยังต้องการอิสระในการออกแบบ จึงยากที่จะหานักลงทุนที่เข้าใจปรัชญาการออกแบบและเชื่อมั่นในกันและกันได้เต็มที่

ถัดมาคือแบรนด์แฟชั่นหรูจากฮ่องกงOcto Cheung Yan Yu” Vice President จากแบรนด์ Shanghai Tang บอกเล่าประวัติแบรนด์ที่ยืนหยัดมาได้นาน 30 ปีว่า เกิดจากความคงมั่นที่จะยึดกลิ่นอายความงามแบบเอเชียไว้ในการออกแบบเสื้อผ้า แม้ว่าจะผ่านช่วงขึ้นลงของแบรนด์มากเท่าใดก็ตาม รวมถึงยังแชร์ประสบการณ์การสร้างแบรนด์ในยุคนี้ของ Shanghai Tang ที่เน้นการใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ ‘Instagram’ ในการสื่อสาร เพราะแบรนด์มีการทำงานร่วมกับเซเลปและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังทั่วโลก ทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์ขยายวงได้กว้างขึ้น

เวทีเสวนาชุดแรกเป็นการรวบรวมดีไซเนอร์แบรนด์เอเชียที่เติบโตได้ไกลถึงระดับโลกมาเล่าถึงประสบการณ์ของแบรนด์ เริ่มจาก “วรรณศิริ คงมั่น” Co-Founder and Co-Creative Director ของ BOYY ฉายภาพการก่อตั้งแบรนด์ BOYY ที่เลือกไปบุกเบิกจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2548 ก่อนจะฝ่าฟันจนมีชื่อเสียงมากขึ้นและได้เปิดช็อปของตนเองที่กรุงเทพฯ ในปี 2553 จากนั้น BOYY ท้าทายมากขึ้นจากการเข้าสู่ตลาดยุโรป เป็นช่วงเวลาที่ต้องฝ่าฟันในการสร้างเรื่องราวที่แตกต่างของตัวเองในฐานะแบรนด์ลักชัวรีหน้าใหม่ท่ามกลางแบรนด์เก่าแก่ของยุโรป

ขณะที่ “ลี ซาง บอง” เจ้าของแบรนด์ LIE SANGBONG และดีไซเนอร์ระดับตำนานของเกาหลีใต้ เล่าถึงประสบการณ์ของแบรนด์ที่ถือกำเนิดในยุคที่ดีไซเนอร์เอเชียยังไม่เป็นที่รู้จักและยอมรับ ลียังตอบคำถามเรื่อง ‘นักลงทุน’ ว่าแบรนด์ยังคงไม่ต้องการรับนักลงทุนเข้ามาเพราะมองว่า ‘แฟชั่นคือศิลปะ’ และดีไซเนอร์ยังต้องการอิสระในการออกแบบ จึงยากที่จะหานักลงทุนที่เข้าใจปรัชญาการออกแบบและเชื่อมั่นในกันและกันได้เต็มที่

ถัดมาคือแบรนด์แฟชั่นหรูจากฮ่องกงOcto Cheung Yan Yu” Vice President จากแบรนด์ Shanghai Tang บอกเล่าประวัติแบรนด์ที่ยืนหยัดมาได้นาน 30 ปีว่า เกิดจากความคงมั่นที่จะยึดกลิ่นอายความงามแบบเอเชียไว้ในการออกแบบเสื้อผ้า แม้ว่าจะผ่านช่วงขึ้นลงของแบรนด์มากเท่าใดก็ตาม รวมถึงยังแชร์ประสบการณ์การสร้างแบรนด์ในยุคนี้ของ Shanghai Tang ที่เน้นการใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ ‘Instagram’ ในการสื่อสาร เพราะแบรนด์มีการทำงานร่วมกับเซเลปและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังทั่วโลก ทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์ขยายวงได้กว้างขึ้น

เวทีเสวนาชุดแรกเป็นการรวบรวมดีไซเนอร์แบรนด์เอเชียที่เติบโตได้ไกลถึงระดับโลกมาเล่าถึงประสบการณ์ของแบรนด์ เริ่มจาก “วรรณศิริ คงมั่น” Co-Founder and Co-Creative Director ของ BOYY ฉายภาพการก่อตั้งแบรนด์ BOYY ที่เลือกไปบุกเบิกจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2548 ก่อนจะฝ่าฟันจนมีชื่อเสียงมากขึ้นและได้เปิดช็อปของตนเองที่กรุงเทพฯ ในปี 2553 จากนั้น BOYY ท้าทายมากขึ้นจากการเข้าสู่ตลาดยุโรป เป็นช่วงเวลาที่ต้องฝ่าฟันในการสร้างเรื่องราวที่แตกต่างของตัวเองในฐานะแบรนด์ลักชัวรีหน้าใหม่ท่ามกลางแบรนด์เก่าแก่ของยุโรป

ขณะที่ “ลี ซาง บอง” เจ้าของแบรนด์ LIE SANGBONG และดีไซเนอร์ระดับตำนานของเกาหลีใต้ เล่าถึงประสบการณ์ของแบรนด์ที่ถือกำเนิดในยุคที่ดีไซเนอร์เอเชียยังไม่เป็นที่รู้จักและยอมรับ ลียังตอบคำถามเรื่อง ‘นักลงทุน’ ว่าแบรนด์ยังคงไม่ต้องการรับนักลงทุนเข้ามาเพราะมองว่า ‘แฟชั่นคือศิลปะ’ และดีไซเนอร์ยังต้องการอิสระในการออกแบบ จึงยากที่จะหานักลงทุนที่เข้าใจปรัชญาการออกแบบและเชื่อมั่นในกันและกันได้เต็มที่

ถัดมาคือแบรนด์แฟชั่นหรูจากฮ่องกงOcto Cheung Yan Yu” Vice President จากแบรนด์ Shanghai Tang บอกเล่าประวัติแบรนด์ที่ยืนหยัดมาได้นาน 30 ปีว่า เกิดจากความคงมั่นที่จะยึดกลิ่นอายความงามแบบเอเชียไว้ในการออกแบบเสื้อผ้า แม้ว่าจะผ่านช่วงขึ้นลงของแบรนด์มากเท่าใดก็ตาม รวมถึงยังแชร์ประสบการณ์การสร้างแบรนด์ในยุคนี้ของ Shanghai Tang ที่เน้นการใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ ‘Instagram’ ในการสื่อสาร เพราะแบรนด์มีการทำงานร่วมกับเซเลปและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังทั่วโลก ทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์ขยายวงได้กว้างขึ้น


Panel 2: Adapting to the New Luxury Landscape  

ในเวทีนี้เป็นการพูดคุยของผู้บริหารแบรนด์ชั้นนำและผู้นำเข้า-จัดจำหน่ายแบรนด์ ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การสร้างและรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ไว้ผ่านการออกแบบช็อปและการคัดเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยจะต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าลักชัวรีที่เปลี่ยนไปสู่วัยที่เด็กลงและเป็นสินค้าของคนวงกว้างมากขึ้น

ผู้เข้าร่วมเสวนาอย่าง “Roberta Pellacci” Vice President Marketing and Communications จาก “Bvlgari” Japan นำเสนอเรื่องตัวตนของแบรนด์ที่เป็นเครื่องประดับ “เหนือกาลเวลา” ที่สามารถส่งต่อให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ การสร้างความรู้สึกว่าเป็นสินค้าที่เป็นมรดกได้นี้จะถูกออกแบบไว้ในช็อปของ Bulgari ทุกแห่ง

ขณะที่ Emmanuelle Kouakou” Managing Director “Piaget” South East Asia & Oceania กล่าวถึงฐานลูกค้าที่เห็นได้ชัดว่า ‘เด็กลง’ กว่าในอดีตจริง และทำให้ Piaget มีการทำงานกับเซเลปที่อยู่ในวัยหนุ่มอย่าง “อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์” มาเป็น Global Brand Ambassador ให้กับแบรนด์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ได้ผลกลับมามหาศาล เพราะอาโปสามารถดึง engagement ให้แบรนด์ได้มากกว่า 8 ล้านครั้ง

ปิดท้ายที่ “สุวดี พึ่งบุญพระ” Chief Executive Officer และ “โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์” Chief Operating Officer และ Chief Business Officer ผู้ก่อตั้ง พีพี กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับโลกสู่ประเทศไทย กล่าวเช่นกันว่าทั้งการออกแบบประสบการณ์ในช็อปและการทำงานร่วมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์นั้นมีความสำคัญมากต่อการผลักดันแบรนด์แฟชั่น รวมถึงยังแบ่งปันข้อมูลในการคัดเลือกแบรนด์ใหม่ๆ เข้าสู่ประเทศไทยว่าจะต้องมีองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ คุณภาพและความเป็นตัวตนของตัวเอง, แบรนด์มีความสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลกไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปี และ แบรนด์จะต้องอนุญาตให้ พีพี กรุ๊ป หาฐานลูกค้าและสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าใหม่ได้


Panel 3: South East Asia’s Power of Global Influence

เวทีนี้รวบรวมไอคอนแฟชั่นดังจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีผู้ติดตามในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น “Heart Evangelista” เซเลปชื่อดังจากฟิลิปปินส์ “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” นักแสดงสาวมากความสามารถ และคนไทยคนแรกที่ได้รับแต่งตั้งเป็น Gucci Brand Ambassador รวมถึงเป็น Friend of The House Bvlgari และ “อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์” House Ambassador ของ Dior และ Global Brand Ambassador คนไทยคนแรกของ Piaget

ทั้งสามท่านได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากว่าพวกเขาสร้าง ‘คอมมูนิตี้’ กลุ่มผู้ติดตามได้อย่างไร คิดอย่างไรกับการได้เป็นแอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์แฟชั่น รวมถึงการบริหารจัดการตัวเองเมื่อเผชิญกับความคิดเห็นเชิงลบบนโลกอินเทอร์เน็ต

ทั้งหมดนี้คือบทสรุปความเข้มข้นที่เกิดขึ้นบนเวทีทอล์กครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี WWD x SIAM PIWAT GLOBAL FASHION SPOTLIGHT” ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยตอกย้ำการเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านลักชัวรีแฟชั่นทั้งของประเทศไทยและกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ