เจาะลึกกลยุทธ์สุดเฉียบคมของแคมเปญ พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม เมื่อ ฮาตาริเจ้าแห่งลม พัดถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา


ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปารีส 2024 นักกีฬาไทยที่ถูกพูดถึงมากที่สุด คือ นักเทควันโดสาวขวัญใจชาวไทย เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยซ้อนให้กับตนเอง สร้างประวัติศาสตร์แก่วงการกีฬาของไทย ซึ่งนอกจากกระแสเทนนิส-พาณิภัคจะฟีเวอร์ตลอดช่วงพัดไทยให้ไกลกว่าเดิมเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า แบรนด์พัดลมฮาตาริ แคมเปญ #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม ก็ถูกพูดถึงบนออนไลน์เป็นอย่างมาก จากช่วงเวลาเดียวกันก่อนเปิดแคมเปญฯ ภาพกิจกรรมในแคมเปญถูกนำมาแชร์เกิดเป็นไวรัลอย่างต่อเนื่อง นับเป็นความสำเร็จของผู้บริหารฮาตาริ รุ่นที่ 3 ในการขยับขยายบทบาทของแบรนด์ไปสู่การสนับสนุนความสามารถของคนไทยในภาคสังคมด้วยการเปิดตัวแคมเปญ #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม ที่ฮาตาริมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการมุ่งใช้พลังลมเป็นสัญลักษณ์เพื่อผลักดันความสามารถของคนไทยให้ก้าวไปสู่เวทีระดับโลก

เปิดแคมเปญฯ ครั้งประวัติศาสตร์กับ “เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ”

แคมเปญ #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม สร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญด้วยการเปิดตัว ตัวแทนแคมเปญคนแรก “เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” นักกีฬาเทควันโดขวัญใจชาวไทยในการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย  ความร่วมมือตั้งแต่ต้นทางที่แม้ยังไม่รู้ผลลัพธ์การแข่งขัน  แสดงถึงการสนับสนุนที่จริงใจของฮาตาริต่อตัวนักกีฬา   และยังเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของคนไทยในเวทีโลก

วางกลยุทธ์ Omnichannel Approach แบ่งการดำเนินงานเป็น 3 เฟส ตลอด Customer Journey

– Phase I : สร้างการรับรู้ (Brand Awareness) เปิดตัวแคมเปญภายใต้แนวคิด “พัดพลังบวก” ซึ่งเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยเชื่อมั่นในพลังแห่งความฝันของตน

– Phase II : สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) กิจกรรมออนไลน์ผ่าน TikTok Challenge ที่นำเสนอลูกเตะซิกเนเจอร์ของเทนนิส ได้กลายเป็นไวรัล และทำให้คนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแพร่หลาย โดยกิจกรรมนี้ช่วยพัดกระแสการเชียร์นักกีฬาไทยในมหกรรมโอลิมปิกอย่างท่วมท้น

– Phase III : สร้างประสบการณ์ (Conversion) แคมเปญพุ่งสู่จุดสูงสุดด้วยกิจกรรม “Cheer Stadium” ใจกลางสยามสแควร์ ที่ซึ่งแฟนๆ ของฮาตาริได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญอย่างแท้จริง ด้วยการใช้แรงลมจากพัดลมฮาตาริในการพัดพาเสียงเชียร์ให้ดังไกลถึงโอลิมปิก งานนี้ยังมีกิจกรรมบูธสุดสนุกที่ผู้เข้าร่วมสามารถทดสอบพลังเตะของตนเอง แปลงเป็นพลังลมที่สื่อถึงการพัดพาเสียงเชียร์ไทยไปยังสนามโอลิมปิก โดยหลังจากสิ้นสุดงานที่สยามสแควร์  Iconic Kick Booth ยังไปจัดต่อที่อโศกและสีลม เพื่อสร้างกระแสและเพิ่มแรงเชียร์ให้กับเทนนิส-พาณิภัค และเหล่าทัพนักกีฬาไทยอีกด้วย

ผลลัพธ์ของแคมเปญสะท้อนถึงความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยอัตราการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง และมีการพูดถึงแบรนด์แบบนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของการรับรู้แคมเปญ และความรู้สึกดีต่อแบรนด์

สรุป 3 ปัจจัยหลักที่พัดความสำเร็จให้แคมเปญ #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม ของฮาตาริ

1. จังหวะเวลาที่เหมาะเจาะ (Strategic Timing): ฮาตาริเลือกช่วงโอลิมปิกเกมส์ซึ่งเป็นช่วงที่คนไทยมีความรู้สึกร่วมสูง (High-Involvement Period) สอดคล้องกับ Brand Message ของแคมเปญ “พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม” ได้อย่างกลมกลืนเป็นธรรมชาติ

2.การเลือกตัวแทนแคมเปญอย่างมีกลยุทธ์: ฮาตาริเลือกเทนนิส-พาณิภัค นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เป็นตัวแทนของแคมเปญคนแรก ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความรู้สึกร่วม การเอาใจช่วย โดย Story ของการแข่งขันแมทช์สุดท้ายครั้งนี้ ได้เพิ่มความแข็งแรงให้กับ Vision & Mission ของแคมเปญ ทำให้คนอินกับความตั้งใจของฮาตาริและเทนนิส-พาณิภัค

3.การผสมผสานออนไลน์-ออฟไลน์อย่างลงตัว (Seamless Online-Offline Integration) : ฮาตาริสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ครบวงจร ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ออนไลน์อย่างกิจกรรม Tiktok Challenge ไปจนถึงการจัดกิจกรรมออฟไลน์ ในรูปแบบ Cheer Stadium และ Iconic Kick Booth

ความสำเร็จของแคมเปญนี้ได้วางตำแหน่งให้ฮาตาริเป็นมากกว่าแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า  แต่ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์ ที่พร้อมสนับสนุนความสำเร็จของคนไทย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความผูกพันทางอารมณ์ในระยะยาว โดยแคมเปญ #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม ได้ถูกวางให้เป็นสายลมที่เตรียมพัดความสามารถคนไทยในวงการอื่นๆ  เช่น ศิลปะ ดนตรี และการออกแบบ เพื่อสร้างระบบนิเวศการสนับสนุนความสามารถของคนไทยด้วยกันในหลากหลายสาขาอาชีพ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยอีกหลายคนในการพัฒนาตนเอง  ดั่งเรื่องราวของเทนนิส-พาณิภัค ที่เก่งเรื่องเตะ และพัดลมฮาตาริที่เก่งเรื่องลม  เมื่อเรามีวินัย มีความมุ่งมั่นทุ่มเท สักวันเมื่อสายลมพัดมาถูกที่ถูกเวลา เราก็พร้อมจะถูกพัดพาให้ก้าวไปไกลกว่าเดิมอย่างแน่นอน