ซาลอนระดับโลก “กีกี้บิวตี้สเปซ” เปิดตัวผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ “KIKI BEAUTY” ตั้งเป้า ดันยอดขายปีแรก 100 ล้านบาท หวังผลักดันสู่ Soft Power ไลน์สินค้าบิวตี้แบรนด์ไทยคุณภาพลักซ์ชัวรี

กีกี้ บิวตี้ สเปซ (KIKI BEAUTY SPACE) ลักซ์ชัวรี บิวตี้ ซาลอนอันดับหนึ่งของไทย เจ้าของรางวัล World‘s Best Luxury Beauty Salon จาก World Salon Awards ในปี 2565 เปิดตัว กีกี้ บิวตี้ (KIKI BEAUTY) แบรนด์ Personal Care ที่พร้อมตอบโจทย์การดูแลตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าของผู้บริโภคยุคนี้ พร้อมทั้งเป็นการขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าต่างแดน และต่างจังหวัดของไทย ที่อาศัยอยู่ไกลหรืออาจยังไม่เคยเข้ามาใช้บริการที่ KIKI BEAUTY SPACE ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ ดูแลตัวเองแบบครบวงจร “KIKI BEAUTY” คาดด้วยความพรีเมียมของคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและแตกต่างจะสามารถ ดันยอดขายทะลุร้อยล้านบาทภายใน 1 ปี ตั้งเป้าเป็นอีกหนึ่ง Soft Power สินค้ามาตรฐานระดับโลก ที่สร้างชื่อให้แบรนด์ไทย เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

นายก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ ผู้ก่อตั้ง KIKI BEAUTY SPACE และ เจ้าของแบรนด์ KIKI BEAUTY กล่าวว่า หลังจากเปิดตัว KIKI BEAUTY SPACE มาจนเข้าสู่ปีที่ 4 และเป็นที่รู้จักในฐานะซาลอนชั้นนำ ที่โดดเด่นด้วยบริการที่    พรีเมียมและครบวงจรที่สุด ทั้งผม เล็บ คิ้ว ขนตา และแว็กซ์ จนลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ จำนวนมากให้ความไว้วางใจ เพื่อยกระดับการสร้างประสบการณ์ความงาม (Beauty Exprerience) ของลูกค้าไปอีกขั้น จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Personal Care ภายใต้แบรนด์ KIKI BEAUTY

“โจทย์แรกในการปั้นแบรนด์ คือ เรามองไปที่ลูกค้าของ KIKI BEAUTY SPACE ซึ่งที่ผ่านมา ลูกค้ามักถามว่าเมื่อไหร่ จะมาเปิดสาขาใกล้บ้าน เพราะปัจจุบันเรามีอยู่ 3 สาขา คือ 2 สาขาในสยามสแควร์ซอย 3 และศูนย์การค้าเมกาบางนา แต่เรามองว่า การจะขยายสาขาอาจจะต้องใช้เวลามาก เพราะเราต้องมั่นใจว่าจะสามารถ ควบคุมคุณภาพ และการให้บริการ ให้มีมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้น เราเลยมองว่า จะทำอย่างไร เพื่อพาแบรนด์เข้าไปหาลูกค้า แทนที่จะให้ลูกค้าเข้ามาหาเรา จึงกลายเป็นที่มาของการเปิดตัวแบรนด์ KIKI BEAUTY ที่จัดเต็มด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียมที่พร้อมให้ลูกค้า ดูแลตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ด้วยตัวเองที่บ้าน”

นายก้องภพ ยังเสริมด้วยว่า ในการเปิดแบรนด์ KIKI BEAUTY ครั้งนี้ ใช้งบประมาณราว 10 ล้านบาท เพื่อพัฒนา ผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมตั้งแต่ แฮร์ออยล์ทรีตเม้นท์ (Hair Oil Treatment), บาธออยล์ (Bath Oil), บอดี้ออยล์ (Body Oil), แฮนด์แอนด์บอดี้ โลชั่น (Hand and Body Lotion), สครับ มาส์ก (Scrub Mask), น้ำหอม (Eau De Parfum), น้ำมันบำรุง จมูกเล็บ (Cuticle Oil Treatment), เครื่องหอมในรูปแบบรูม สเปรย์ และดิฟฟิวเซอร์ (Room Spray and Diffuser) ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด นอกจากจะให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ยังมาพร้อมความโดดเด่นของกลิ่นหอม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังเชื่อมั่นว่า ด้วยคุณภาพสินค้าในไลน์โพรดักซ์ทุกตัว มีคุณสมบัติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสินค้า เคาน์เตอร์แบรนด์ดัง อีกทั้งยังแฝงสเน่ห์ของความเป็นไทยผสานเข้าไปสร้างความแตกต่างอย่างลงตัวด้วย

“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ KIKI BEAUTY คือ เราตั้งต้นจากการพัฒนากลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ของ KIKI BEAUTY โดยเราทำงานร่วมกับแล็ปน้ำหอมระดับท็อปของโลกจากยุโรป เพื่อเพอร์ซัลนัลไลซ์กลิ่นหอมที่เป็นซิกเนเจอร์ของ KIKI BEAUTY ขึ้นมาเอง แทนที่จะใช้กลิ่นสำเร็จรูป พร้อมนำเข้าสารสกัดกลิ่นหอมจากประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส เหตุผลที่ให้ความสำคัญ กับกลิ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้งห้าที่หลายคนมองข้าม เนื่องด้วยกลิ่นหอม นอกจากจะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว การที่มีกลิ่นมาอยู่บนตัว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพ ดังนั้น พอเรานำกลิ่นมาเป็นตัวตั้ง ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ KIKI BEAUTY ไม่ได้ตอบโจทย์แค่การบำรุงผิว แต่ยังมาพร้อมคุณประโยชน์ในเรื่องอื่น ที่สะท้อนไปถึงคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ ที่ต้องการให้ทุกคนหันมาดูแลตัวเองและรักตัวเอง โดยมีสินค้าของเรามาช่วยเสริมความงาม ความมั่นใจ ตลอดจนบุคลิก ที่น่ามอง”

สำหรับความยากในการเจาะตลาด Personal Care นายก้องภพมองว่า ถ้านับเฉพาะแบรนด์ไทยใน ตลาด Personal Care ไม่ได้เป็น Red Ocean ที่มีการแข่งขันที่ดุเดือด ที่สำคัญ ยังมองว่ามีโอกาสอีกมาก และมองว่าการปั้นแบรนด์ไทย ให้สามารถโกอินเตอร์ ไปเจาะตลาดต่างประเทศได้

“เราวางตำแหน่ง KIKI BEAUTY เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมียม ราคาเข้าถึงได้ แต่คุณภาพระดับลักซ์ชัวรี เพราะเราตั้งใจ ให้คอนเซ็ปต์ผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกับ KIKI BEAUTY SPACE ที่เป็น Affordable Luxury ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึง และส่งมอบประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า และยินดีที่จะจ่าย โดยไม่สนว่าเป็นแบรนด์ไทยหรือแบรนด์ต่างประเทศ เพราะหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดในการปั้นแบรนด์ KIKI BEAUTY คือ อยากผลักดันให้ไทยบิวตี้ โปรดักซ์ เป็นหนึ่งใน Soft Power ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ เรามองว่า ลำพังการทำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สะท้อนกลิ่นอายความเป็นไทยอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องมีการสร้างแบรนด์ที่ดีมาประกอบด้วย เพื่อพาแบรนด์ไปให้ถึงมาตรฐานระดับโลก

ทั้งนี้ นายก้องภพ ยังเสริมถึงอีกหนึ่งจุดเด่นของ KIKI BEAUTY คือ เป็นแบรนด์ไทยที่ไม่ได้ต้องการถ่ายทอดความ เป็นไทย เพียงเรื่องกลิ่นหรือรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้มีความเป็นไทย หากแต่ต้องการยกระดับคุณภาพสินค้าให้ดูมีความเป็นสากล พร้อมช่วยเหลือกลุ่มแรงงานในชุมชนให้พัฒนาทั้งทักษะและมีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย

“ในด้านความเป็นแบรนด์ไทย เรามีการใช้หัตถศิลป์ฝีมือคนไทย (Thai Craftsmanship) ในการพัฒนาสินค้า ซึ่งในช่วงเปิดตัวแบรนด์ เราได้ช่วยเหลือชุมชนไทยที่ จ.เพชรบุรี ให้มีรายได้มากกว่า 100 ครัวเรือน และมีแผนกระจายรายได้ สู่ชุมชนอย่างยั่งยืนในระยะยาวควบคู่ไปกับการเติบโตของธุรกิจ ขณะเดียวกัน KIKI BEAUTY ยังให้ความสำคัญกับเรื่อง ความยั่งยืน ด้วยการเลือกใช้สารทำความสะอาดส่วนประกอบของโครงสร้างที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนประกอบหลัก เลือกสกัดมาจากวิธีการธรรมชาติอีกด้วย”

ในส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ KIKI BEAUTY นายก้องภพ กล่าวว่าจะเริ่มวางจำหน่ายที่ KIKI BEAUTY SPACE แฟลกชิป ซาลอนที่สยามสแควร์ รวมถึงช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ ทั้งทาง LINE Official, LINE Shopping, E-Commerce หรือช่องทางโซเชียลของ KIKI BEAUTY SPACE และเว็บไซต์ www.kikibeauty.online โดยในอนาคต นอกจากจะมีการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ให้ตอบโจทย์การดูแลตัวเองแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังมีแผนขยาย ตลาดไปต่างประเทศ คาดว่า หลังจากผลิตภัณฑ์ KIKI BEAUTY ออกจำหน่ายจะดันยอดขายแตะ 100 ล้านบาทภายใน 1 ปี