ดานอน ประเทศไทย ตอกย้ำวิสัยทัศน์ One Planet. One Health เพื่อธุรกิจยั่งยืน

ดานอน ประเทศไทย แถลงความก้าวหน้าในการดำเนินพันธกิจด้านความยั่งยืนในประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ One Planet. One Health พร้อมทั้งสนับสนุนการเชื่อมโยงความสำเร็จทางธุรกิจกับความยั่งยืน ผ่านการเสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดและความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญและผู้นำทางความคิด เพื่อขับเคลื่อนแนวทางด้านความยั่งยืนสู่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจให้กว้างขวางมากขึ้นในประเทศไทย

ดานอน ประเทศไทย ดำเนินตามวิสัยทัศน์หลักขององค์กร คือ One Planet. One Health อันสะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวคิดโมเดลคู่ขนาน หรือ “Dual Project” โดยอ็องตวน รีบู (Antoine Riboud) ซีอีโอของดานอนในถ้อยแถลงเมื่อปี พ.ศ. 2515 ซึ่งเน้นการผสานเป้าหมายทางธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นรากฐานในการดำเนินงานของดานอนมาอย่างยาวนาน

แดนิช ราห์มัน ผู้จัดการทั่วไป ดานอนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดานอน ประเทศไทย กล่าวว่า “ดานอนยึดมั่นในแนวทาง Dual Project มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เราเชื่อว่าการสร้างคุณค่าให้กับทั้งผู้ถือหุ้นและสังคมจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ถือเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจและใช้เป็นปรัชญาองค์กร สิ่งนี้ยังขับเคลื่อนกรอบการดำเนินงาน Danone Impact Journey หรือ DIJ ที่มุ่งเน้นเสาหลัก 3 ด้าน คือ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และผู้คนรวมถึงชุมชน ทั้งหมดนี้ทำให้เราได้รับการรับรองมาตรฐาน B Corp ระดับโลก ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของดานอนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เราจะเดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืน และเป็นแบบอย่าง รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างกว้างขวางต่อไป”

นัฏฐ์ภัสสร ธรรมศิรารักษ์ ผู้อำนวยการแผนกโครงการปฏิบัติการและการจัดซื้อ ดานอนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหนึ่งในผู้นำทีม Danone Impact Journey ของดานอน ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “Danone Impact Journey มุ่งเน้นเสาหลักใน 3 ด้าน คือ สิ่งแวดล้อม โดยมุ่งลดผลกระทบต่อโลกของเรา สุขภาพ ที่มุ่งส่งเสริมสุขภาพของผู้คนด้วยการพัฒนาโภชนาการในผลิตภัณฑ์ของเรา และสุดท้ายคือผู้คนรวมถึงชุมชน โดยส่งเสริมความหลากหลายและการสนับสนุนชุมชนโดยรอบ ไม่เพียงเท่านั้น วัตถุดิบที่เราทั้งหมดต้องมาจากแหล่งที่ยั่งยืนและรับผิดชอบ ความพยายามในด้านความยั่งยืนของเราไม่ใช่เพียงเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ยังการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น โครงการ Triple Zero ที่โรงงานดานอนที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ซึ่งมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน น้ำเสีย และขยะให้เป็นศูนย์ รวมถึงมุ่งสร้างบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนด้วยการรีไซเคิล หรือใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้แบบ 100% ให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน”

อีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนความมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืนของดานอน คือการเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน B Corp โดย ยูดี ปราดานา ผู้อำนวยการบริหาร B Market Builder เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงความสำคัญของมาตรฐานดังกล่าวว่า “B Corp เป็นมาตรฐานที่เกิดขึ้นเพื่อรับรององค์กรที่ดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าธุรกิจได้ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านประสิทธิภาพ ความรับผิดชอบ และความโปร่งใส ตั้งแต่สวัสดิการพนักงาน ไปจนถึงห่วงโซ่อุปทานและวัตถุดิบที่ใช้ เรามุ่งหวังให้มาตรฐาน B Corp ผลักดันให้ธุรกิจพัฒนาด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งพนักงาน ชุมชน ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม”

ดานอน ประเทศไทย ยังเปิดเวทีเสวนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและผู้นำทางความคิดในด้านความยั่งยืน เพื่อแลกเปลี่ยนทรรศนะและแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างในภาคธุรกิจต่อไป โดย ตรีสุวิชช์ อาริยวัฒน์ ผู้จัดการโครงการ ASEAN Circular Economy Stakeholder Platform จากศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ความยั่งยืนในภาคธุรกิจจะเกิดขึ้นได้หากองค์กรผนวกความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การหลักของดำเนินงาน และกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน รวมทั้งประสานความร่วมมือกับในทุกภาคส่วน จึงจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง โดยสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยการให้ความสำคัญกับแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ และการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน รวมทั้งนำนวัตกรรมและการวางแผนเชิงกลยุทธ์มาใช้ เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนที่กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก”

ทางด้าน เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดงมากความสามารถ ที่มีบทบาทในการสนับสนุนแนวทางการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ได้แบ่งปันมุมมองในฐานะผู้บริโภคว่า “เชอรี่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย รวมถึงผู้บริโภคที่มีส่วนสำคัญ เช่น การเลือกซื้อและใช้สินค้าที่สอดคล้องกับความเชื่อของเรา และมีแหล่งที่มาที่ตรวจสอบได้ว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงบริษัทต่างๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ พฤติกรรมของผู้บริโภคสามารถสร้างแรงกระเพื่อมต่อในภาคธุรกิจ และผลักดันให้เกิดความยั่งยืนได้จริงในสังคม”

“แผนงานด้านความยั่งยืน Danone Impact Journey ของดานอน สะท้อนถึงความเชื่อที่ว่าความสำเร็จทางธุรกิจและการพัฒนาทางสังคมเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน ดานอนภูมิใจที่ในความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย เราหวังว่าแนวทางการดำเนินงานและการร่วมแบ่งปันกับผู้ร่วมเสวนาในวันนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้ภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อร่วมสร้างโลกและสังคมที่ดีขึ้น” ราห์มันกล่าวสรุป