บันยัน กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ ประกาศเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์สุดหรูในภูเก็ต มูลค่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 2-3 ปีข้างหน้า

กลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำ บันยัน กรุ๊ป ยังคงมีความเชื่อมั่นและมุมมองเชิงบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ ในจังหวัดภูเก็ต ด้วยยอดขายที่อยู่อาศัยประจำปีที่เพิ่มขึ้นถึง 300% จาก 65-70 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในช่วงก่อนโควิด-19 สู่มูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในปี 2567

บันยัน กรุ๊ป เรสซิเดนซ์ ได้ประกาศแผนธุรกิจ ลงทุนเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ที่จังหวัดภูเก็ต มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพเหนือชั้นบนเกาะภูเก็ตที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจากตลาดต่างประเทศ จึงมีการคาดการณ์ว่าในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า มูลค่าการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือมากกว่านั้น

บันยัน กรุ๊ป นำทัพโดยนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ คุณ โฮ กวง ปิง หรือ เคพี โฮ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์ธุรกิจบริการชั้นนำระดับโลกอย่างเครือโรงแรมและรีสอร์ทบันยันทรี (Banyan Tree Hotels & Resorts) ที่เพิ่งฉลองครบรอบ 30 ปี อีกทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต

โครงการ ลากูน่า ภูเก็ต รีสอร์ทครบวงจรที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 3.5 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันดึงดูดผู้คนกว่า 1 ล้านคนต่อปี และประกอบไปด้วยโรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกถึง 8 แห่ง สนามกอล์ฟที่ได้คว้ารางวัล รวมถึงร้านค้า สปา และศูนย์บริการทางการแพทย์ รวมถึงโรงเรียนอนุบาลนานาชาติตั้งอยู่ภายในโครงการ นอกเหนือจากบ้านพักส่วนตัวอีกกว่า 3,000 หลัง

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของภูเก็ตในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการใช้ชีวิตและพักผ่อนหย่อนใจ ทำให้ผู้คนหันมาสนใจการมีบ้านพักตากอากาศหรือแม้แต่การตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรบนเกาะแห่งนี้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บันยัน กรุ๊ป ได้รับอิทธิพลจากความต้องการในตลาดสำหรับที่พักอาศัยส่วนตัวบนเกาะภูเก็ตที่สูงยิ่งขึ้นเช่นกัน

นอกเหนือจากโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต บริษัทยังได้ประกาศอีกโครงการที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันกันในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นั่นคือโครงการ ลากูน่า เลคแลนด์ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่มากกว่าหนึ่งตารางกิโลเมตร ท่ามกลางสวนพฤกษศาสตร์เขียวชอุ่มและทะเลสาบอันเงียบสงบ โดยทั้งโครงการเชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางเดินระยะทางยาวกว่า 15 กิโลเมตร และยังอยู่ติดกับโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต อีกด้วย โครงการ ลากูน่า เลคแลนด์ คาดว่าจะสร้างที่อยู่อาศัยส่วนตัวรวมแล้วอีกประมาณ 5,000 หลังด้วยกัน

เนื่องจากบันยัน กรุ๊ป มองเห็นยอดขายที่พักอาศัยส่วนตัวในภูเก็ตที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง บริษัทจึงได้เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ถึง 8 แห่งด้วยกันภายใน ลากูน่า ภูเก็ตและ ลากูน่า เลคแลนด์ ในปี 2567 ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาทิ โครงการ เลควิว เรสซิเดนซ์ (Lakeview Residences) โครงการ สกายพาร์ค เอลารา เรสซิเดนซ์ (Skypark Elara Residences) ซึ่งตั้งอยู่ภายใน ลากูน่า เลคแลนด์ นอกจากนี้ยังมีโครงการทำเลทองติดชายหาดซึ่งตั้งอยู่ภายใน ลากูน่า ภูเก็ต อีกด้วย อาทิ การ์รียา เรสซิเดนซ์ (Garrya Residences) บีช เทอเรส (Beach Terraces) และ ลากูน่า บีช เรสซิเดนซ์ เบย์ไซด์ (Laguna Beach Residences Bayside)

บันยัน กรุ๊ป คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มด้วยมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า

คุณเคพี โฮ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของบันยัน กรุ๊ป กล่าวว่า “แนวโน้มความต้องการสำหรับที่อยู่อาศัยในภูเก็ตนั้นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกของเที่ยวบินสู่ภูเก็ต เทรนด์การ work from home ไปจนถึงปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เอื้ออำนวย การมีวิถีชีวิตในเมืองเขตร้อนตลอดทั้งปี และความเพียบพร้อมทางด้านสถานพยาบาลและสถานศึกษา จึงทำให้ภูเก็ตเหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัยอย่างยิ่ง”

“อสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงในภูเก็ตยังคงมีราคาต่ำกว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์อื่นอยู่มาก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือยุโรป ซึ่งนับเป็นปัจจัยดึงดูดสำคัญเช่นกัน” คุณเคพี กล่าวเสริม

ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศที่น่าดึงดูดเอื้อต่อกิจกรรมกลางแจ้งตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีโรงเรียนนานาชาติและโรงพยาบาลระดับโลกมากมาย บวกกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีข้อได้เปรียบ ห่างจาก 40% ของประชากรโลกโดยสามารถบินตรงในเวลาเพียง 4-5 ชั่วโมง ทำให้ภูเก็ตเป็นที่น่าดึงดูดและได้รับความนิยมมากมาย

บันยัน กรุ๊ป มองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและยังมีพื้นที่อีกมากสำหรับการเติบโต ภายในปี 2567 จะมียูนิตที่อยู่อาศัยทั้งหมดประมาณ 3,000 หลังที่สร้างเสร็จภายในโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต และอีก 700 หลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในอนาคตคาดว่าจะมีที่พักรวมทั้งสิ้นอีกกว่า 10,000 หลังสำหรับโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต และ ลากูน่า เลคแลนด์ ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งแปลว่าในปัจจุบันโครงการได้สร้างสำเร็จไปแล้วประมาณ 25% จากทั้งหมด

คุณสจ๊วต เรดดิ้ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบันยันกรุ๊ปเรสซิเดนซ์ กล่าวว่า “กลยุทธ์ในปัจจุบันของเราคือการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์คุณภาพสูงเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงขนาด เปรียบเสมือนการซื้อรถยนต์จากแบรนด์หรูอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู หรือ เมอร์เซเดส แม้ว่าคุณจะเลือกซื้อรุ่นขนาดเล็ก แต่คุณก็ยังได้รับการรับประกันในเรื่องของคุณภาพและฝีมือการผลิตในระดับเดียวกับรุ่นท็อป”

คุณสจ๊วตอธิบายว่าบริษัทจะตั้งเป้าพัฒนาแบรด์เรสซิเดนซ์ในรูปแบบของอพาร์ทเมนต์และเพนต์เฮาส์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในทำเลทองริมชายหาดภายในโครงการ ลากูน่า ภูเก็ต ด้วยขนาดถึง 500 หรือ 700 ตร.ม.

“เนื่องจากที่ดินริมหาดที่มีอยู่จำกัด โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกช่วงกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการเราและเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง เราจึงมองหาโอกาสในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ผ่านการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยขนาดใหญ่ที่กว้างขวางและครบครัน เช่น สระว่ายน้ำส่วนตัวบนดาดฟ้า rooftop หรือระเบียงส่วนตัว แทนการสร้างบ้านเดี่ยวซึ่งต้องใช้พื้นที่มาก” คุณสจ๊วต กล่าวเสริม

ในขณะเดียวกัน บันยัน กรุ๊ป วางแผนที่จะสร้างคอนโดมิเนียมในลากูน่า เลคแลนด์ และโครงการอื่น ๆ ที่มีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าและขนาดที่เล็กกว่า แต่ยังคงคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากชายหาด

ความต้องการสำหรับที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ในภูเก็ตที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นเพิ่มเข้ามาในตลาด อย่างไรก็ตาม บันยัน กรุ๊ป ยังคงเป็นผู้นำในตลาด ด้วยขนาดที่ใหญ่ที่สุดและความพร้อมสูงสุดในการให้บริการจัดการอสังหาริมทรัพย์และบริการด้านไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจรและเป็นมืออาชีพ รวมถึงบริการอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผู้ที่ซื้อบ้าน นอกจากนี้ บันยัน กรุ๊ป ยังเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่สามารถให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ซื้อ ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถผ่อนผันการชำระค่างวดได้นานถึง 5 ปี

บันยัน กรุ๊ป ได้ประกาศโครงการใหม่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่มีชื่อว่า The Laguna Advantage ซึ่งมอบบริการต่าง ๆ ที่ถูกคัดสรรมาเพื่อมอบความสะดวกสบายในการอาศัยอยู่ในภูเก็ตให้ผู้ซื้อบ้านโดยเฉพาะ ครอบคลุมตั้งแต่บริการบริหารจัดการที่พักให้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายและประกันภัยทรัพย์สินในปีแรก สิทธิประโยชน์ด้านการแพทย์ และสิทธิประโยชน์ด้านการศึกษา เช่น การลงทะเบียนเรียนฟรีปีแรกที่โรงเรียนอนุบาลนานาชาติชั้นนำ SILK Kindergarten ซึ่งตั้งอยู่ภายในลากูน่า ภูเก็ต รวมถึงส่วนลดพิเศษสำหรับค่าเทอมที่โรงเรียนนานาชาติชั้นนำในภูเก็ต เป็นต้น

สิ่งที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับ บันยัน กรุ๊ป ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คือวิสัยทัศน์ระยะยาวในการสร้างชุมชนที่ดี ไม่ใช่แค่การสร้างอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว การเป็นเจ้าของที่พักในลากูน่า ภูเก็ต หรือ ลากูน่า เลคแลนด์ จึงหมายถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งนี้

นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่คุณเคพี โฮ ให้ความสำคัญและรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับโครงการ ลากูน่า เลคแลนด์ คุณเคพี โฮ ได้เสริมสร้างชุมชนโดยการนำสิ่งอำนวยความสะดวกบางส่วน เปิดกว้างสู่สาธารณะชนอีกด้วย ลากูน่า เลคแลนด์ จึงจะมีศูนย์เพื่อชุมชน (Community Centre) แห่งแรกในภูเก็ต ที่มีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬาและนันทนาการที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าใช้ได้ รวมถึงเส้นทางเดินชมธรรมชาติภายในโครงการ แนวคิดนี้ถือเป็นการทำลายกำแพงระหว่างชุมชนปิดและสังคมภายนอก ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่หลายโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยเอกชนมักยึดถือ คุณเคพี โฮ เรียกแนวคิดนี้ว่า “ความยั่งยืนทางสังคม” และเชื่อมั่นว่าหากประสบความสำเร็จ จะกลายเป็นต้นแบบใหม่สำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเอกชนในรูปแบบที่มีการบูรณาการกับสังคมมากขึ้นในอนาคต