SABINA เผยผลประกอบการงวด 9 เดือน รายได้ 2,692.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% ช่องทาง NSR เติบโต 22.9% พร้อมเดินหน้ารุกทำตลาดปั๊มยอดโค้งสุดท้ายปลายปี

SABINA เผยงบการเงินงวด 9 เดือน ปี 2567 รายได้ 2,692.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 350.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 13% ส่วนไตรมาส 3 ปีนี้ รายได้เพิ่มขึ้น 3.3% กำไรสุทธิลดลง 7.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 เผยปัจจัยสำคัญมาจากกำลังซื้อในไตรมาส 3 ที่เติบโตอย่างจำกัด แต่ SABINA ยังสามารถรักษาการเติบโตของช่องทางขายหลักทั้งค้าปลีกและช่องทางร้านไม่มีหน้าร้านไว้ได้ โดยเฉพาะช่องทาง NSR ที่เพิ่มขึ้นถึง 22.9% มั่นใจไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น กำลังซื้อจะกลับมาคึกคัก ดันยอดขายทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมาย

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (มกราคมถึงกันยายน) ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,692.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 350.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่ไตรมาส 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) ปี 2567 รายได้รวมอยู่ที่ 880.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 โดยมีกำไรสุทธิ 110.2 ล้านบาท ลดลง 7.3% สำหรับอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) งวด 9 เดือนปีนี้ อยู่ที่ 13% และไตรมาส 3 ปีนี้อยู่ที่ 12.5%

ทั้งนี้ แม้ว่าการเติบโตของยอดขายจะเป็นไปอย่างจำกัดจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอลง แต่ SABINA ก็ยังคงรักษาการเติบโตของยอดขายในช่องทางหลักๆ ไว้ได้ ทั้งช่องทางค้าปลีก (Retail) และช่องทางไม่มีหน้าร้าน (Non Store Retailing หรือ NSR) โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สามารถเติบโตได้ 1.5% และ 22.9% ตามลำดับ มีเพียงช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ที่ลดลง 39.7% แต่เนื่องจากสัดส่วนรายได้ของธุรกิจ OEM เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกยังคงอัตราการเติบโตไว้ได้ ทั้งรายได้รวมที่เติบโต 4.4%และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 0.6%

ปัจจุบัน SABINA มีช่องทางขายผ่าน 3 ช่องทางหลัก ประกอบด้วย ช่องทางค้าปลีก ซึ่งมีสัดส่วน 60% ของยอดขายรวม ช่องทางขายที่ไม่มีหน้าร้าน ซึ่งมีสัดส่วน 35% และช่องทางรับจ้างผลิต ที่มีสัดส่วนประมาณ 5%

“ภาพรวมของไตรมาสที่ 3 ไม่ได้มีอะไรผิดไปจากที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพราะเป็นปกติของช่วงโลว์ซีซั่น แต่เรายังเดินหน้ากระตุ้นตลาดเพื่อสร้างกำลังซื้อ ด้วยการออกสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ “ฟอร์เอฟเวอร์ ยัง” เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มวัย 45 อัพ สร้างอัตราการเติบโตฝั่งรายได้ พร้อมๆ กับเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ควบคุมต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย เพื่อรักษาความสามารถในการเติบโตของกำไรสุทธิ ซึ่งถือว่าเรายังทำตามกลยุทธ์ที่วางไว้ได้อย่างน่าพอใจ สะท้อนผ่านผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้” นางสาวดวงดาวกล่าว

สำหรับไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นอกจาก SABINA จะเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ “ลา-เซ-นิ-เม” ที่เป็นความร่วมมือกับแบรนด์กางเกงยีนส์ยอดนิยม MERGE เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว ยังมีเมกะแคมเปญ 11.11 ซึ่งเป็นแคมเปญใหญ่แห่งปีที่จะกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้าย โดยยอดขายช่องทาง NSR ยังเป็นช่องทางหลักที่เชื่อว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่า เป้าหมายรายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้อย่างแน่นอน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน SABINA ยังให้ความสำคัญกับการบริหารงานภายใต้หลัก ESG ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลอย่างเข้มแข็ง ทำให้ตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ ได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากเวที SET Awards 2024 ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร ประกอบด้วย รางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม (Best Investor Relations Awards) รางวัล “ได้รับการยกย่องอย่างสูงด้านความยั่งยืน” Highly Commended Sustainability Awards และรางวัล Outstanding Investor Relations Awards รวมถึงรางวัลจากเวที IAA Awards for Listed Companies 2024 จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ประกอบด้วย รางวัล CEO ยอดเยี่ยม รางวัล CFO ยอดเยี่ยม และรางวัล IR ยอดเยี่ยม และล่าสุด SABINA ยังได้รับรางวัล CAC Change Agent Award 2024 จากแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับการบริหารงานโดยยึดหลัก ESG อย่างเหนียวแน่น ที่จะสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนในอนาคต