เจาะกลยุทธ์แคมเปญ “หมอไหน” จาก “THE KLINIQUE” (เดอะคลีนิกค์) ผนึกกำลังพันธมิตรดนตรีระดับโลกทำ Music Marketing ครั้งแรกของอุตสาหกรรมคลินิกความงามปล่อยบทเพลงแห่งยุคสมัยที่ผู้บริโภคภูมิใจในความสวยด้วยมือแพทย์

“THE KLINIQUE” (เดอะคลีนิกค์) ผู้นำอุตสาหกรรมคลินิกความงามของประเทศไทย เปิดแคมเปญ “หมอไหน” บทเพลงแห่งยุคสมัยที่สะท้อนมุมมองของผู้บริโภคที่มีความมั่นใจและภูมิใจในการทำหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงาม พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในทีมแพทย์ของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยผนึกกำลัง Warner Music Thailand ทำ Music Marketing ครั้งแรกในอุตสาหกรรมคลินิกความงามในประเทศ ไทย เตรียมพร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรมคลินิกความงามในประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางการแพทย์ความงามของเอเชีย และทิศทางผู้บริโภคที่กลุ่มผู้ชาย Gen Z และ LGBTQIA+ ให้ความสนใจใช้บริการมากขึ้น
ภาพรวมการเติบโตอุตสาหกรรมคลินิกความงามในประเทศไทย
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โดยภาพรวม ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของประเทศไทยปี 2566 มีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) และคาดว่ามูลค่าธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยจะเติบโตราว 10% CAGR ในช่วงปี 2022-2030 (ที่มา : SCB EIC) แต่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) เติบโตมากกว่า 2-3 เท่าของอุตสาหกรรม เป็นการเติบโตสวนกระแส ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) โดยมีการเติบโตจาก 3 ปัจจัยคือ
1.ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ จีน และ บราซิล
2.ทิศทางผู้บริโภค แม้ว่าประชากรไทยมีแนวโน้มจะลดลงในช่วงปี 2024-2040 แต่รายได้เฉลี่ยของประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 60.3% ทำให้เกิดกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มประชากรในเมือง (Urban residents) ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)  ด้วย (ที่มา: Euromonitors)
3.นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ประเทศไทยได้รับการผลักดันจากภาครัฐให้เป็นศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก พร้อมกับนโยบายกระตุ้นซอฟต์พาวเวอร์ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะดึงดูดให้ชาวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพื่อรับบริการศัลยกรรมและเสริมความงาม
จากข้อมูลของ SCB EIC คลินิกความงามในประเทศไทย สามารถแบ่งตามรูปแบบการให้บริการเป็น 2 ประเภทคือ
1.ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงาม
● ผู้บริโภคมีแนวโน้มขยายฐานผู้ใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายและ Gen Z
● การใช้บริการหัตถการส่วนใหญ่ ผู้บริโภคจะใช้บริการเพื่อการรักษาและบำรุงผิวมากที่สุด ควบคู่กับการใช้บริการหัตถการประเภทอื่น
● ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกใช้บริการจากสถานบริการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยพบว่า ผู้บริโภคเลือกใช้บริการหัตถการเสริมความงามที่คลินิกขนาดใหญ่ที่มีสาขามากที่สุด ทั้งในกลุ่มการฉีด (โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ IV Dip สเต็มเซลส์) กลุ่มรักษาและบำรุงผิว (ทรีตเมนต์ ฉีดสิว/กดสิว เลเซอร์ผิว เลเซอร์กำจัดขน) และกลุ่มลดไขมัน ปรับรูปร่าง รูปหน้า (คลื่นความถี่ เทคโนโลยีกระชับสัดส่วน ร้อยไหม)
2.ธุรกิจศัลยกรรมความงาม
● ผู้บริโภคมีแนวโน้มให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ LGBTQIA+
● ผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมส่วนใหญ่ยังคงทำศัลยกรรมมากกว่า 1 ประเภท คิดเป็น 65% ของผู้ที่เคยทำศัลยกรรม
● การทำศัลยกรรมจมูกและดวงตาเป็นที่นิยมสูงสุดจากผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมเสริมความงามมาแล้ว และสถานบริการที่ได้รับความนิยมในการศัลยกรรมจมูกและดวงตาคือ คลินิกศัลยกรรมเฉพาะทาง
ภาพรวมการเติบโตของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)  มี Market Share เป็นอันดับ 1 ของกลุ่มธุรกิจคลินิกความงามขนาดใหญ่ในประเทศไทย มีการเติบโตในระดับ 2 หลัก โดยในปี 2566 มีรายได้จากแผนกผิวหนังและความงาม 80.7% แผนกศัลยกรรมตกแต่ง 10.3% แผนกชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ 6.3% และแผนกลดน้ำหนักและดูแลรูปร่าง 2.7% มีการขยายสาขา 20 สาขาในปีนี้ รวมทั้งได้รับรางวัลชนะเลิศในระดับเอเชียแปซิฟิกคือ “Winner of the Ulthera Lifting Highest Achievement Asia-Pacific Award” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)  มีการเติบโตและได้รับความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและระดับสากล
4 กลยุทธ์ที่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ใช้ในการดำเนินธุรกิจปี 2567 คือ
1.การขยายสาขา มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 20 สาขา ในทำเลที่มีศักยภาพ ภายใต้งบลงทุน 500 ล้านบาท หรือลงทุนเฉลี่ย 25-30 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
2.การพัฒนานวัตกรรมความงาม เน้นนวัตกรรม เทคโนโลยี และความปลอดภัย ด้วยงบลงทุน 200 ล้านบาท สำหรับการเพิ่มเครื่องมือใหม่ๆ
3.การตลาดและการสื่อสาร มุ่งเน้นกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคแบบ Omnichannel สร้างการรับรู้แบรนด์และ Engagement กับผู้บริโภค จนเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยประมาณ 85% ต่างชาติ 15% ทั้งจากประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยทั้งหมดล้วนเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
4.การบริการ พัฒนาด้านบริการให้มีความเฉพาะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และใส่ใจผ่านทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 คน พร้อมพยาบาลกว่า 200 คน รวมถึงพนักงานให้บริการกว่า 1,000 คน ที่ได้รับการเทรนนิ่งพร้อมรองรับลูกค้าอย่างครบวงจร
“Proud to be New” ผู้บริโภคปัจจุบันภูมิใจและกล้าเปิดเผยว่ารับบริการหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงามกันมากขึ้น
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ กล่าวว่า จากการเฝ้าสังเกตผู้บริโภคพบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีความมั่นใจและกล้าเปิดเผยในการรับบริการหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงามมากขึ้น พร้อมจะบอกต่อด้วยความภูมิใจว่าตัวเองมีวิธีการดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือต้องปิดบังอีกต่อไป โดยดูได้จากข้อมูลดังต่อไปนี้
● ผู้บริโภคของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) มากกว่า 75% เป็นลูกค้าที่ยินดีให้ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ทำเคสไปรีวิวต่อในโซเชียลมีเดีย และกลุ่มลูกค้าที่เข้ารับบริการการศัลยกรรมที่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) มากกว่า 75% กลับมาทำศัลยกรรมเพิ่มในส่วนอื่น แสดงถึงความมั่นใจที่ผู้บริโภคมีต่อ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) และแสดงถึงความต้องการในการศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้นด้วย
● อายุของผู้บริโภคที่เข้ารับบริการคลินิกความงามมีแนวโน้มอายุน้อยลง แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มที่เคยทำศัลยกรรมความงามมากที่สุด คิดเป็น 35% และยังเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนของคนที่ยังไม่เคยทำ แต่มีความสนใจสูงสุดอีกด้วยเมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นอื่นๆ (ที่มา: SCB EIC)
● คีย์เวิร์ดสูงสุด 5 อันดับแรกที่มีคนค้นหาเกี่ยวกับการศัลยกรรมความงามคือ  1.ทรงจมูก 2.เสริมจมูก 3.จมูก Open (โอเพ่น) 4.ทำจมูก  5.แก้จมูก
จาก Insight สู่ Innovation แคมเปญ “หมอไหน” จาก THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อผู้บริโภคปัจจุบันมีความภูมิใจในการรับบริการหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงาม และมีความต้องการมากขึ้น THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)  เองจึงใช้กลยุทธ์ “Proud to be New” ซึ่งหลอมรวมมุมมองเชิงบวกของผู้บริโภคปัจจุบันที่มีต่อการศัลยกรรมความงาม เข้ากับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)  ภูมิใจ เกิดเป็นแคมเปญ “หมอไหน” เพื่อสื่อสารว่า การทำศัลยกรรมเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ไม่ใช่จะทำกับหมอที่ไหนก็ได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของหมอผู้ชำนาญการเฉพาะเท่านั้น  โดยสื่อสารผ่านบทเพลงและมิวสิควิดีโอ “หมอไหน” ร้องโดยน้ำชา ชีรณัฐ Feat. นัท นิสามณี โดยชื่อเพลงมีที่มาจากคำค้นหาที่ติดอันดับสูงสุดทางอินเตอร์เน็ตในเรื่องการทำหัตถการและศัลยกรรมที่ทีมการตลาดของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง
“แคมเปญ ‘หมอไหน’ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ที่ทำการสื่อสารรูปแบบใหม่ผ่าน Music Marketing ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คลินิกความงามจับมือกับพันธมิตรค่ายเพลงระดับโลกอย่าง Warner Music Thailand โดยมีเนื้อหาที่สะท้อนนิยามความสวยแบบใหม่ ซึ่งบ่งบอกถึงยุคสมัยที่ผู้บริโภคภูมิใจในการตัดสินใจกำหนดนิยามความงามได้ด้วยตัวเอง สะท้อนมุมมองของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีต่อการทำหัตถการและศัลยกรรมว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ ผู้บริโภคกล้าเปิดเผยและมั่นใจที่จะทำ ไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป เพราะดูดีจนคนต้องถามว่าทำกับหมอไหนมา โดยการใช้ Music Marketing ช่วยทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น รวมทั้งเป็นแคมเปญที่สื่อสารถึงจุดแข็งในเรื่องทีมบุคลากรทางการแพทย์ของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมไปกับการให้ความรู้ที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับการทำหัตถการและศัลยกรรมผ่านโซเชียลมีเดียของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามรวมทุกช่องทางกว่า 1 ล้านคน” นายแพทย์อภิรุจกล่าว
ความแข็งแกร่งของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ กล่าวว่า THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการแพทย์เป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 คน ที่ได้รับการเทรนอย่างเข้มข้นทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอเพื่ออัพเดททักษะความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากการรักษาอย่างชำนาญแล้วยังมีการทำคอนเทนต์ให้ความรู้จากทีมแพทย์ของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ซึ่งทำให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องจากแพทย์ผู้ชำนาญการ สร้างความรู้สึกคุ้นเคยและไว้วางใจก่อนการเข้ารับบริการ “ด้วยการดูแลและพัฒนาทีมแพทย์อย่างจริงจังของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) เช่นนี้ ทำให้แบรนด์สามารถรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพไว้
ได้ และทำให้การดำเนินธุรกิจเติบโตขึ้น พร้อมไปกับการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค” นายแพทย์อภิรุจกล่าว
ความสำเร็จของ “หมอไหน” และก้าวต่อไปของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์)
“แคมเปญ ‘หมอไหน’ เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมคลินิกเสริมความงามของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ทั้งในแง่การนำเสนอนวัตกรรมใหม่แบบ Music Marketing ร่วมกับพันธมิตรด้านดนตรีระดับโลกในการสะท้อนถึงบริบทความงามในปัจจุบันของผู้บริโภค และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น และแสดงถึงความแข็งแกร่งในการพัฒนาคุณภาพทีมแพทย์ของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) โดยปัจจุบันเพลง ‘หมอไหน’ มียอดวิวมากกว่า 1 ล้านวิวแล้วใน TikTok เป้าหมายของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) คือการไม่หยุดพัฒนาและมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อความงามมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจและสามารถดูดีขึ้นในแบบที่ตัวเองต้องการ”
#THEKLINIQUE #THEKLINIQUEsurgery #หมอไหน