จับกระแส “Pet Parent เทรนด์ทาสหมา – แมว ดันตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงโต
ปัจจุบันเทรนด์ตลาด “อาหารสัตว์เลี้ยง” กำลังเป็นธุรกิจที่สร้างเครือข่ายขยายวงมากขึ้น จนเป็นคลัสเตอร์ทางธุรกิจที่กำลังมาแรง และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นทุกปี ที่สร้างรายได้ให้กับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนเกิดขึ้นจากพลังของครอบครัวน้องหมา น้องแมว ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ทำให้เม็ดเงินเหล่านี้เกิดขึ้นในระบบธุรกิจ จากพลังความทุ่มเทของผู้ปกครองสัตว์ หรือ “Pet Parent” ที่วางแผนการดูแลสัตว์เลี้ยงดีที่สุดเปรียบเสมือนเป็นลูก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ในยุคนี้จึงมีความหลากหลาย ทั้งรสชาติ ขนาดบรรจุภัณฑ์ รวมถึงอาหารเพื่อสุขภาพ รักษาโรค และขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่ออกสู่ท้องตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ตลาดหมา – แมว ดันมูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง 7 หมื่นล้าน
แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงหลายเจ้าเข้ามาทำตลาดเป็นจำนวนมาก ที่มองเห็นโอกาสทำตลาดด้วยจำนวนผู้เลี้ยงขยายตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีจำนวนสุนัขและแมวอยู่ทั่วโลกมากกว่า 1,000 ล้านตัว ทำให้ตัวเลขคาดการณ์มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยง ปี 2567 ที่มาจากรายงานของฝ่ายวิจัยในสถาบันการเงินหลายสำนักต่างสะท้อนถึงการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เติบโตอย่างแข็งแกร่งเกินกว่า 10% มีมูลค่าตลาดมากกว่า 70,000 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่จำหน่ายในประเทศ คาดว่าจะมีมูลค่า 41,700 ล้านบาท เติบโต 15.8% จากปีก่อน และมีการส่งออกสูงราว 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโต 19.5%
“มาร์ส เพ็ทแคร์” ขึ้นแท่นแบรนด์ระดับท็อป บุกเบิกตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทย
แม้จะมีผู้เล่นเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจำนวนมาก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมของผู้ซื้ออาหารสัตว์เลี้ยง ยังคงมองหาแบรนด์ที่คุ้นเคยและเป็นที่รู้จักในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น PEDIGREE®, WHISKAS®, IAMS®, CESAR®, SHEBA®, TEMPTATIONS™ ที่คนไทยรู้จักในตลาดมานาน
มาร์ส เพ็ทแคร์ เป็นหนึ่งในเจ้าของแบรนด์ ที่ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่รู้จักเป็นอย่างดี และเป็นผู้บุกเบิกทำตลาดในไทย จนเป็นที่มาของการตั้งโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยงเมื่อ 25 ปีก่อน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2542 ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยได้ฉลองครบรอบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ด้วยคุณภาพและมาตรฐานการผลิต ส่งตรงถึงมือ Pet Parent ในตลาดทุกระดับ ตั้งแต่ตลาดพรีเมียมจนถึงตลาดทั่วไป สะท้อนให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เป็นที่ยอมรับในตลาด ทั้งญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ด้วยมาตรฐานสูงของบริษัท มาร์สอินคอร์ปอเรท (Mars, Incorporated) ผู้ผลิตแบรนด์ที่ผู้คนทั่วโลกนิยม
ทั้งนี้ มาร์ส เพ็ทแคร์ ได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง เพื่อรองรับตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตามเทรนด์คนรักน้องหมาน้องแมว ด้วยจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งโรงงานและเริ่มการผลิตครั้งแรกใน พ.ศ. 2542 และ ใน พ.ศ. 2545 ได้มีการขยายโดยตั้งโรงงานผลิตอาหารแบบเปียกชนิดซอง ต่อมาใน พ.ศ. 2546 ได้ขยายโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยว อาหารว่างสำหรับสัตว์เลี้ยง และใน พ.ศ. 2564 ได้ตั้งโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ทันสมัย โดยปัจจุบันโรงงานมาร์ส เพ็ทแคร์ ปากช่อง มีการผลิตเพื่อส่งออกในสัดส่วน 80% ของกำลังการผลิต โดยส่งไปยัง 36 ประเทศทั่วโลก ที่เหลือขายในประเทศ 20% และนับเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
ตอกย้ำความสำเร็จ 25 ปี ต่อยอดธุรกิจต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ตลอดระยะเวลาในการผลิตมาอย่างยาวนาน ได้ทำการผลิตไปแล้วถึง 2,333 ล้านกิโลกรัม เทียบได้กับการถมสระว่ายน้ำโอลิมปิกได้มากกว่า 2,828 สระ และพร้อมเดินหน้าขยายกำลังผลิตต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินงานที่มีผู้ร่วมงานและ Manpower ถึง 1,400 คน สามารถสร้างอาชีพให้คนในชุมชนส่งต่อรุ่นต่อรุ่น และยังสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ได้ถึง 65 ชนิด เพื่อรองรับความต้องการของตลาด ด้วยวิสัยทัศน์เมื่อ 25 ปีที่แล้วในการเลือกพื้นที่ตั้งโรงงานใกล้แหล่งวัตถุดิบหลักในการเพาะปลูกข้าวโพด ทำให้สามารถบริหารจัดการและตอบโจทย์ความยั่งยืน ทั้งด้านการขนส่งวัตถุดิบซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอน และเป็นการสนับสนุนวัตถุดิบจากแหล่งการเกษตรในชุมชนอย่างแท้จริง
“นับเป็นความภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย เมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เทคโนโลยีและความสามารถของเราได้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้เราสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่อาหารสัตว์เลี้ยงแบบแห้งและแบบเปียกที่เสิร์ฟครั้งเดียว ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ดูแลฟันเฉพาะทาง รวมถึงขนมขบเคี้ยว อาหารว่างสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีประโยชน์และส่งเสริมสุขภาพสำหรับแมวและสุนัข” นายธีรเดช กสิเสรีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการผลิต บริษัท มาร์ส เพ็ท นูทริชั่นประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวย้ำถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้น
ที่สำคัญโรงงานแห่งนี้ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพในการผลิตอาหารสุนัขและแมวตามมาตรฐานสากล ด้วยการรับรองของ HCCP , GMP, FSSC22000, SUCI และในเรื่องความปลอดภัยที่ล่าสุดได้รับรางวัลการันตี Zero Accident Award ระดับ Silver Prize จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน(องค์การมหาชน) ที่แสดงถึงความทุ่มเทในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย
พลังงานสะอาด ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
จากวันนั้นถึงวันนี้ มาร์ส เพ็ทแคร์ ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยมีโครงการเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน ด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ แทนการใช้พลังงานไฟฟ้า และปรับเปลี่ยนระบบทำความเย็น เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงกำจัดขยะให้เป็นศูนย์ในหลุมฝังกลบ (Zero to landfill) พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเกษตรกรรมฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) ร่วมมือกับสหกรณ์การเกษตรและชุมชนในพื้นที่ ในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพตลอดห่วงโซ่ ด้วยการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการทำเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นทิศทางที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยมีเป้าหมายในภาพใหญ่ของมาร์ส ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 50% ภายในปี 2573 รวมทั้งการบรรลุ Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2583
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า จากสังคมที่เปลี่ยนแปลงโดยหันมาดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงและ Pet Parent เพื่อตอบสนองกระแสตลาดและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ด้วยประสบการณ์ของบริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ ที่เข้าใจตลาด ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน พร้อมด้วยมาตรฐานการผลิตระดับสากล คุณภาพระดับส่งออกทั่วโลก และความเชี่ยวชาญที่สะสมมานานถึง 25 ปี เฉพาะในประเทศไทย ย่อมสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น และทำให้โรงงานมาร์ส เพ็ทแคร์ ปากช่อง สามารถยืนหยัดความสำเร็จได้ถึงปัจจุบัน และจะยังคงยึดมั่นความเป็นเลิศด้านการผลิตและพัฒนาต่อไป