Ericsson ประเมินการใช้ ‘5G’ ทั่วโลกจะแซง 4G ภายในปี 2027 และ ‘6G’ จะเริ่มใช้ภายในปี 2030

ในยุคที่ อินเทอร์เน็ต ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ชีวิตในทุกวันนี้แทบขาดไปไม่ได้ นับวันมีแต่ปริมาณการใช้งานจะยิ่งสูงขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมไปถึง AI ที่กำลังถูกใส่มาใช้ในสมาร์ทโฟน ซึ่งจะยิ่งเร่งปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตให้สูงขึ้นไปอีก

โดยรายงานของ Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด คาดการณ์ว่า แม้อัตราการเติบโตของปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนเครือข่ายมือถือจะลดลง โดยปีนี้ประเมินการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 21% แต่คาดว่าภายในสิ้นปี 2030 จะยังเติบโตขึ้นเกือบ สามเท่า จากตัวเลข ณ ปัจจุบัน หรือ 200%

เนื่องจากการมาของ AI รวมถึงแอปพลิเคชัน Generative AI ที่ถูกผสานรวมไว้ในสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป นาฬิกา และผลิตภัณฑ์ Fixed Wireless Access (FWA) ที่อาจส่งผลต่อการรับส่งข้อมูลในเครือข่าย ผลักดันการเติบโตของปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนมือถือให้สูงเกินกว่าการคาดการณ์พื้นฐาน ณ ปัจจุบัน

ส่วนการใช้งาน 5G ภายในสิ้นปี 2024 จะมียอดผู้ใช้บริการทั่วโลกเกือบ 2.3 พันล้านราย คิดเป็น 25% ของผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมดทั่วโลก และคาดว่า ยอดผู้ใช้บริการ 5G จะเติบโตแซงหน้าผู้ใช้ 4G ทั่วโลกในช่วงปี 2027

สำหรับปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนมือถือทั่วโลก คาดว่าภายในสิ้นปี 2030 เครือข่าย 5G จะรองรับการใช้ดาต้าเน็ตบนมือถือประมาณ 80% ของจำนวนดาต้าเน็ตบนมือถือทั้งหมด เทียบกับ 34% ณ สิ้นปี 2024 และภายในสิ้นปี 2030 เกือบ 60% ของจำนวนผู้ใช้บริการ 5G ทั่วโลก 6.3 พันล้านราย จะเป็นผู้ใช้งาน 5G Standalone (SA)

ทั้งนี้ บริการ FWA ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเป็นยูสเคส 5G ที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากบรอดแบนด์มือถือ (eMBB) โดยใน 4 จาก 6 ภูมิภาค มากกว่า 80% ของผู้ให้บริการการสื่อสารเปิดให้บริการ FWA แล้ว และจากคาดการณ์ว่าในสิ้นปี 2030 จะมีปริมาณการเชื่อมต่อเครือข่าย FWA ทั่วโลกถึง 350 ล้านการเชื่อมต่อ ซึ่งเกือบ 80% จะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน 5G

ส่วนการมาของ 6G คาดว่าจะมีการนำมาปรับใช้ช่วงแรกในปี 2030 โดยจะเน้นไปที่การต่อยอดและขยายความสามารถของ 5G SA และ 5G Advanced