แม้อัตราการเกิดของเด็กไทยลดลง ส่งผลให้ภาพรวมเด็กนักเรียนในระบบหดตัว 0.9% ต่อปี และคนเรียนหลักสูตรไทยลดลง 1.7% (YoY)
แต่นั่นไม่ส่งผลลบต่อ รร.นานาชาติ ที่มีนักเรียนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.9% ต่อปี และเฉพาะปี 2567 เติบโต 10.2% (YoY) อ้างอิงศูนย์วิจัยกสิกร พบว่า ธุรกิจ รร.นานาชาติ ในไทย ปี 2567 มีมูลค่า 80,000 ล้านบาท เติบโต 13% (YoY) จากจำนวนนักเรียนและค่าเทอมที่สูงขึ้น
เด็กเรียนหลักสูตรนานาชาติ 3 ปี เพิ่ม 15% ไทยเบอร์ 1 เอเชีย
“ฮาวเวิร์ด วู” หัวหน้าฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ โรงเรียนนานาชาติ บรอมส์โกรฟ ประเทศไทย กล่าวกับ Positioning ว่า เทรนด์การมีลูกน้อยลง เหลือเพียงครอบครัวละ 1-2 คน ทำให้ผู้ปกครองโฟกัสและทุ่มเงินด้านการศึกษาให้กับลูกได้มากขึ้น
รร.นานาชาติ ได้รับปัจจัยบวกจากจุดนี้ สะท้อนจากจำนวนนักเรียนในช่วง 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12-15% ขณะที่จำนวน รร. นานาชาติ ในไทย ณ ปี 2567 มีมากถึง 249 แห่ง สูงสุดในภูมิภาคเอเชีย
ทำให้เริ่มมีนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียน รร.นานาชาติ ในไทยมากขึ้น สำหรับ รร.นานาชาติบรอมส์โกรฟ ที่ใช้หลักสูตรการศึกษาแห่งชาติประเทศอังกฤษ (English National Curriculum) และเป็นโรงเรียนรองรับระบบหอพัก (ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก) มีนักเรียนต่างชาติเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาทิ ฮ่องกง จีน เมียนมา รัสเซีย ยุโรป คิดเป็นสัดส่วนราว 45% จากนักเรียนทั้งหมด
“ช่วงระยะหลังที่มีสถานการณ์ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ค่าครองชีพในต่างประเทศสูงขึ้น อาทิ อังกฤษ ถ้าไปเรียนต่อจากเดิมใช้เงิน 2 ล้านบาท ตอนนี้ขยับเป็น 3 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายแพงกว่าการเรียนในไทย 50% ส่วน รร.นานาชาติ ในภูมิภาคเอเชีย เช่น เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ใช้งบประมาณสูงกว่าไทยถึง 5 เท่า”
ส่งผลให้ชาวต่างชาติส่งลูกมาเรียน รร.นานาชาติบรอมส์โกรฟ ที่มีมาตรฐานเทียบเท่ากับประเทศอังกฤษ แต่ราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่า เฉลี่ย 4-6 แสนบาท/เทอม
บรอมส์โกรฟ ทุ่ม 100-200 ล้านบาท พัฒนา รร.
เบื้องต้น บรอมส์โกรฟ วางงบลงทุนระยะยาว 5-10 ปี ประมาณ 100-200 ล้านบาท เพื่อขยายโครงสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี รวมถึงบุคลากร รองรับยุคเปลี่ยนผ่านสู่ AI ซึ่งจะบูรณาการกับหลักสูตร ถือเป็นก้าวสำคัญเพื่อเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 ในอีก 7 ปีข้างหน้า
ด้วยโพซิชั่นการเป็น รร.นานาชาติ ขนาดกลาง ที่ปัจจุบันมีนักเรียนจำนวน 530 คน ครูผู้สอนและครูผู้ช่วย รวม 80 คน แต่ละชั้นเรียนมีนักเรียนเฉลี่ย 12-24 คน ทำให้ดูแลได้อย่างทั่วถึงในสัดส่วนครู 1 คน : นักเรียน 3 คน
ด้วยจุดเด่นนี้ ทำให้รู้ความถนัดและความสามารถนักเรียน เพื่อให้คำแนะนำทางการเรียน รวมไปถึงการหาความถนัดเชื่อมโยงกับระดับอุดมศึกษาให้เหมาะแก่นักเรียนแต่ละราย เพื่อให้เขาได้มีความสุขกับอาชีพในอนาคต และเพื่อให้เจเนอเรชั่นหน้าเป็นเจนฯที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
“จุดหมายเราอยากให้บรอมส์โกรฟ ประเทศไทย อยู่ต่อไปในหลัก 100 ปี แต่ชาร์เลนต์ และเป้าหมายที่สำคัญอีกประการ คือ การพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพ สำหรับเด็กไทยตอนนี้มีอัตราการสอบติดมหาวิทยาลัยระดับโลกแซงสิงคโปร์เสียอีก แต่สิ่งที่ขาดในไทย คือ การผลิตเด็กในสายวิศวกรรม ให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดแรงงานระดับโลก“