บุคลากรทางการแพทย์ในปี 2568 ทิศทางและโอกาสใหม่ในสายอาชีพ

ปี 2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้ โลกของการทำงานจะมีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในหลายด้าน โดยเฉพาะการมาของเทคโนโลยี และเทรนด์ของการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ในสายการแพทย์ก็เช่นกัน นอกจากผู้คนจะให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้นแล้ว บทบาทของการใช้เทคโนโลยีในการรักษาอาจจะเข้ามามีส่วนสร้างโอกาสและทิศทางใหม่ๆ ให้กับสายอาชีพทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน

วันนี้ Medjob.in.th อยากชวนทุกคนมาเตรียมตัวเตรียมความพร้อม สำหรับการพัฒนาตัวเองไว้ในปี 2568 นี้กับทิศทางและโอกาสใหม่ในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรทางการแพทย์กัน

1. เทคโนโลยีการแพทย์ที่เปลี่ยนแปลงโลก

ก่อนอื่นลองมาดูความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีกันก่อน เพราะเราอาจได้เห็นบทบาทของ Ai ในการเข้ามาช่วยวิเคราะห์ปัญหา วินิจฉัยโรค รวมถึงการมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีในการเข้ามาฟื้นฟูร่างกายให้กับผู้ป่วย ซึ่งระบบ AI นั้นจะช่วยให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ง่ายยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นหรือมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด เช่น

• AI & Machine Learning : ปัญญาประดิษฐ์ที่นำมาใช้ในการวินิจฉัยโรค เช่น การอ่านผล X-ray การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย การคาดการณ์และประเมินความเสี่ยงของโรค

• Telemedicine : การพบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์จะกลายเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของคนยุคนี้ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์จะต้องปรับตัวให้สามารถสื่อสารและดูแลผู้ป่วยผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว

• หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด : หุ่นยนต์ถูกนำมาใช้มากขึ้นในห้องผ่าตัดเพื่อเพิ่มความแม่นยำ บาดเจ็บน้อยและช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น

2. ความต้องการทักษะใหม่ในสายอาชีพ

ไม่เพียงแค่เราจะเห็นการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ทักษะใหม่ๆ อาจถูกระบุเข้ามาใน Job Description มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการรักษา วินิจฉัยผู้ป่วย ซึ่งทักษะใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นหรือมีให้เห็นในปีหน้าสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เช่น

• Health Data Specialist : การจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านสุขภาพเพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ป่วย หรือการนำไปใช้วางแผนรักษา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จะต้องเข้าใจทั้งเรื่องสุขภาพในเชิงลึกและการนำมาปรับใช้ร่วมกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็วและทันสมัย

• Digital Health Educator : บุคลากรทางการแพทย์จะต้องสามารถสอนและช่วยเหลือผู้ป่วยให้เข้าใจการใช้งานเทคโนโลยีสุขภาพ เช่น แอปพลิเคชันติดตามสุขภาพ หรืออุปกรณ์สวมใส่ที่เพื่อการติดตามผล

• Healthcare UX/UI Designer : นักออกแบบระบบสุขภาพผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งอาจใช้เป็นศูนย์กลางที่ให้ทั้งผู้ป่วยและแพทย์สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และพร้อมต่อการรักษาได้ในกรณีฉุกเฉิน

3. โอกาสในการทำงานในระดับสากล

ในโลกที่เชื่อมโยงกันผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล บุคลากรทางการแพทย์สามารถขยายโอกาสการทำงานไปยังตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์และเทคโนโลยี รวมถึงการรับมือกับโรคระบาดใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิดซึ่งโอกาสก้าวหน้าในสายงานนี้สำหรับระดับสากล อาจมีทั้ง

• การขยายงานผ่านระบบดิจิทัล : บุคลากรที่สามารถใช้เทคโนโลยีและสื่อสารได้หลายภาษาอาจมีโอกาสทำงานกับองค์กรต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และสามารถบริหารจัดการเวลารวมถึงการทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การทำงานแบบ Remote Work

• การตอบสนองต่อวิกฤตสุขภาพโลก : อาจได้รับโอกาสในการวิเคราะห์และหาแนวทางในการป้องกันโรคระบาด หรือการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพ และการขาดแคลนบุคลากรในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นการทำงานที่อยู่ภายใต้องค์กรระดับโลก หรือเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้

4. บทบาทใหม่ของบุคลากรทางการแพทย์

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของการใส่ใจสุขภาพมากขึ้นทำให้เกิดบทบาทใหม่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่มุ่งเน้นในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและการป้องกันโรคมากกว่าการรักษาเพียงอย่างเดียว ซึ่งบทบาทใหม่ที่อาจจะได้พบในปี 2568 เช่น

• ผู้ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม : ผู้คนที่เริ่มสนใจการดูแลสุขภาพที่เน้นความสมดุลของร่างกายและจิตใจ ทำให้บทบาทของผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและการให้คำปรึกษามีความสำคัญและเป็นที่ต้องการมากขึ้น รวมถึงนักโภชนาการและนักบำบัดความเครียด

• ผู้ให้บริการเชิงป้องกัน : การแพทย์เชิงป้องกัน (Preventive Medicine) หรือเวชศาสตร์ป้องกันที่จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น บุคลากรทางการแพทย์จะมีบทบาทในการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ป่วยในการดูแลตัวเองก่อนการเกิดโรค และคำแนะนำที่ช่วยลดความเสี่ยงของการลุกลามของโรค

5. สิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องเตรียมพร้อม

เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในสายงาน บุคลากรทางการแพทย์ต้องเตรียมความพร้อมด้วยการพัฒนาทักษะเฉพาะทาง ทั้งการเรียนรู้เพิ่มเติมในสายงานของตัวเอง รวมถึงการแพทย์สายอื่นๆ ที่เกี่ยวโยงกัน โดยทักษะและสิ่งที่ต้องเพิ่มเติมสำหรับการเตรียมพร้อม เช่น

• พัฒนาทักษะเทคโนโลยี : เรียนรู้การใช้งาน AI การวิเคราะห์ข้อมูล และเครื่องมือดิจิทัลอื่นๆ

• การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) : เข้าร่วมอบรมหรือหลักสูตรเพิ่มเติมในสายงานเฉพาะทางโดยไม่ต้องจำกัดในเรื่องของอายุและช่วงวัย

• สร้างเครือข่ายความร่วมมือ : การทำงานเป็นทีมกับผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ จะช่วยเพิ่มคุณภาพของการรักษาและสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานที่แตกต่างและมีโอกาสก้าวหน้าได้มากยิ่งขึ้น

เรียกได้ว่า ปี 2568 บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงแต่ต้องปรับตัวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังต้องมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาตนเองเพื่อสร้างคุณค่าและโอกาสในสายอาชีพเพิ่มเติมด้วย