“สุรเชษฐ กองชีพ” หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ชาวต่างชาติเข้ามาเรียนในไทยจะมานานกว่า 20 ปี ทว่าปัจจุบันอัตราการเกิดเด็กไทยลดลง ส่งผลให้มหาวิทยาลัยต้องเฟ้นหาเด็กต่างชาติเข้ามาศึกษา

ทำให้จำนวนนักศึกษาต่างชาติในไทยเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี
- ปี 2567 จำนวน 53,006 คน เติบโต 25% (YoY)
- ปี 2566 จำนวน 42,555 คน เติบโต 16% (YoY)
- ปี 2565 จำนวน 36,735 คน เติบโต 32% (YoY)
สาเหตุที่คนต่างชาติเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไทย
- ส่วนหนึ่งไม่ต้องการเรียนต่อระดับอุดมศึกษาในประเทศตนเอง เพราะการแข่งขันสูงเกินไป
- ต้องการได้ทักษะภาษาต่างประเทศ
- ค่าใช้จ่าย และค่าเล่าเรียนในประเทศไทยต่ำกว่าชัดเจน แต่คุณภาพทางการศึกษาไม่ได้น้อยกว่าประเทศอื่น ๆ มากนัก
สัญชาติไหนเรียนในไทยมากสุด
จำนวนนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาจากหลายประเทศด้วยกัน อาทิ จีน เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย
ทั้งนี้ นักศึกษาต่างชาติที่มาจาก “ประเทศจีน” มากที่สุด โดย ณ ภาคการเรียนที่ 1 ปี 2567 มีจำนวน 28,052 คน หรือประมาณ 53% ของนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาเรียนระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย สูงกว่าตอนปี 2563 ซึ่งมีนักศึกษาจีน จำนวน 14,423 คน
ช่วง 5 ปีนี้ (พ.ศ. 2563 – 2567) มีจำนวนของนักศึกษาจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 24% ต่อปี
ทุนจีนเทกโอเวอร์มหาวิทยาลัยไทย บางแห่ง นศ. จีนสูงกว่า นศ.ไทย
การที่นักศึกษาจีนขยายตัวสูง หลัก ๆ มาจากนักลงทุนชาวจีนที่ต้องการเข้ามาซื้อกิจการโรงเรียน และมหาวิทยาลัยในประเทศไทย จากนั้นทำกิจการทางการตลาดหรือการประชาสัมพันธ์ในประเทศจีนเพื่อดึงคนจีนเข้ามาเรียนหนังสือในประเทศไทยให้มากขึ้น
การเข้ามาของนักธุรกิจและนักลงทุนในจีนในธุรกิจการศึกษามีมานานแล้ว เท่าที่เป็นข่าวก็ตั้งแต่ช่วงปี 2560 – 2561 โดยที่มีการเปิดเผยแน่นอนแล้ว 3 มหาวิทยาลัย คือ
1. มหาวิทยาลัยเกริก
2. มหาวิทยาลัยชินวัตร
3. มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด
ซึ่งทั้ง 3 มหาวิทยาลัยอยู่ในสถานะของนิติบุคคล ดังนั้น การเข้ามาของนักลงทุนจีนในทั้ง 3 มหาวิทยาลัยจึงเป็นการเข้ามาซื้อหุ้นในบริษัทอาจจะซื้อมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือเทกโอเวอร์แบบ 100% เลย
จากนั้นจึงหาผู้บริหารที่มีสัญชาติไทยเข้ามาร่วมเป็นกรรมการบริษัทหรือใช้ผู้บริหารและกรรมการชุดเดิมมาร่วมเป็นคณะกรรมการ แต่เพิ่มเติมคนจีนเข้าไปในคณะกรรมการบริษัทเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทย หรือมีส่วนของบริษัทที่มีคนจีนเป็นกรรมการเข้ามาเป็น 1 ในผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทที่มีชื่อเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัย
บางมหาวิทยาลัยมีการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปอย่างชัดเจน โดยมีนักศึกษาจีนเข้ามาเป็นนักศึกษากลุ่มหลักของมหาวิทยาลัยไปแล้วในปัจจุบัน เช่น
- มหาวิทยาลัยเกริก มีนักศึกษาจีน 4,670 คน ครองสัดส่วน 71% จากจำนวนนักศึกษาทั้งหมด
- มหาวิทยาลัยชินวัตร มีนักศึกษาจีน 863 คน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 79% ของนักศึกษาทั้งหมด
- มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดมีนักศึกษาจีนจำนวน 1,101 คน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27%
คอนโดรอบมหาวิทยาลัยที่คนจีนอยู่ ขายออกสูง 95-98%
จำนวนนักศึกษาจีนสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของความต้องการที่พักหรือที่อยู่อาศัย 3 – 4 ปีหรือมากกว่านั้น
ทั้งนี้ ที่พักที่คนจีนหรือชาวต่างชาติให้ความสนใจนั้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นคอนโดมิเนียม เพราะนักศึกษาจีนที่มาเรียนในประเทศไทยส่วนใหญ่ที่บ้านมีฐานะพอสมควร
การเลือกซื้อหรือเช่าคอนโดมิเนียมในพื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยเป็นทางเลือกที่พวกเขาให้ความสนใจมาก รวมไปถึงการเช่าบ้านรูปแบบต่างๆ เช่น ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ในโครงการที่อยู่รอบๆ มหาวิทยาลัยเพื่อเป็นที่พักอาศัยระหว่างการศึกษาของตนเอง
พื้นที่รอบๆ ของบางมหาวิทยาลัยมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมารองรับนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติจำนวนมาก เช่น 4 ทำเลต่อไปนี้
1.พื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยเกริก
พื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยเกริกมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีชมพู รวมไปถึงยังไม่ไกลจากสายสีแดงอีกด้วย
นอกจากนี้ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกริกยังเป็นสถานีร่วมของสายสีชมพูและสายสีเขียวอีกด้วย
ดังนั้น คอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาในพื้นที่โดยรอบจึงมีจำนวนประมาณ 13,209 ยูนิต ที่มีจำนวนมากเพราะปัจจัยจากสเนทางรถไฟฟ้าแล้วยังมีมหาวิทยาลัยอื่นๆ อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย
แต่อัตราการขายในพื้นที่นี้ค่อนข้างสูงเพราะมีอัตราการขายเฉลี่ยประมาณ 95% ราคาขายเฉลี่ยที่ประมาณ 65,000 บาทต่อตารางเมตร
2. พื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์อาจจะอยู่ในทำเลที่ไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน แต่อยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้า เช่น สายสีม่วง สายสีแดง และสายสีชมพู
พื้นที่นี้อาจจะมีคอนโดมิเนียมไม่มากนัก แต่มีหอพักหรืออพาร์ทเม้นต์จำนวนมากน่าจะหลายสิบอาคารรวมแล้วหลายพันห้อง ซึ่งอาจจะมีความทรุดโทรมไปตามกาลเวลาบ้าง
โครงการคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ก็มีบ้างโดยมีจำนวนรวมประมาณ 6,039 ยูนิตขายไปแล้วประมาณ 98% มียูนิตเหลือขายไม่มากแล้ว เพราะเป็นโครงการที่เปิดขายมานานมากเกิน 10 ปีแล้วซะเป็นส่วนใหญ่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 64,000 บาทต่อตารางเมตร
3. พื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญหรือเอแบคอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร แต่ภายในมหาวิทยาลัยมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาบางส่วนที่พักอาศัยนอกจากหอพัก อพาร์ตเมนต์ที่มีมากแล้ว ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนรวมกันประมาณ 2,619 ยูนิตอาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ แต่ก็ขายดีมากปิดการขายหมดแล้ว เหลือเพียงยูนิตที่ต้องการขายต่อเท่านั้น
ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น อาจจะมีบางโครงการที่ขายราคาสูงกว่านี้ แต่หลายโครงการขายในราคตาที่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายต่อก็ไม่สูงมากเช่นกัน
4. พื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
พื้นที่นี้ไม่มีคอนโดมิเนียมเลย มีแต่โครงการบ้านจัดสรร หอพัก และอพาร์ตเมนต์ อีกทั้งการเดินทางออกไปพื้นที่ต่างๆ นอกมหาวิทยาลัยอาจจะไม่สะดวกมากนัก เพราะไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้า อาจต้องใช้เวลาเดินทางสักพักเพื่อไปต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีหลักสอง นักศึกษาจีน และต่างชาติส่วนใหญ่พักอยู่ในมหาวิทยาลัยหรือพื้นที่โดยรอบ
พื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มาในรูปแบบของผู้ประกอบการ และนักลงลทุนรายย่อย โดยผู้ประกอบการเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อรองรับความต้องการที่พักอาศัยที่เปลี่ยนแปลงจากที่พักรูปแบบเดิมๆ เช่น หอพัก อพาร์ตเมนต์ มาเป็นคอนโดมิเนียม
โดยพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยที่มีโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุดน่าจะเป็นพื้นที่รอบๆ มหาวิทยาลัยกรุงเทพเพราะมีคอนโดมิเนียมรวมกันประมาณ 12,100 ยูนิต ยังไม่รวมพื้นที่ใกล้เคียง เช่น พื้นที่รอบสถานีรถไฟรังสิตอีกประมาณ 12,750 ยูนิต และพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตอีกประมาณ 9,300 ยูนิต
พื้นที่รอบสถาบันการศึกษาทุกประเภทมีความต้องการที่อยู่อาศัยมากแน่นอน ทั้งจากนักเรียน นักศึกษา บุคลากร เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งทั้งคนไทยและต่างชาติอาจจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมแทนการเช่า เพราะมองเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง จากนั้นอาจจะปล่อยเช่าต่อหรือขายออกไปเมื่อสำเร็จการศึกษา เพราะอย่างไรก็ตามนักศึกษาใหม่มีเข้ามาทุกปีอยู่แล้ว