EEC x UOB ดึงทุนต่างชาติเข้าลงทุนไทย ชี้ 2 ปีนี้ ยุคทองย้ายฐานการผลิตโลก

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ) หรือ EEC เปิดเผยว่า ช่วง 2 ปีนี้ (พ.ศ. 2568 – 2569) เป็นช่วงเวลาทองของการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่ของโลก โดยเฉพาะฝั่งประเทศเอเชีย ที่ได้รับดีมานด์จำนวนมหาศาลจากจีน

“ถ้าไทยไม่ดึงการลงทุนตอนนี้ อาจต้องรอการอีกหลายปีกว่าจะมีการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาอีก น้ำขึ้นให้รีบตัก อาจไม่ทันการณ์ ยุคนี้ควร น้ำขึ้นให้รีบสูบ ซึ่งพื้นที่ภูมิภาคอาเซียนได้รับความสนใจในการย้ายฐานมากที่สุด“

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

สำหรับในไทย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี 2568 หนักไปที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล คลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ ส่วนพวกยานยนต์ไฟฟ้าแผ่วลง เพราะย้ายฐานการผลิตเข้ามาตั้งแต่ปีก่อน ปีนี้จะเป็นธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ที่ย้ายตามกันมา

จากมูลค่าออกบัตรลงทุนใน EEC ตั้งแต่ปี 2561 – ไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท หลัก ๆ เป็นสัญชาติจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

ล่าสุด EEC ได้ร่วมกับ UOB ขับเคลื่อนเป้าหมายทางเศรษฐกิจของไทย ด้วยยูโอบีมีเครือข่ายแข็งแกร่งทั่วภูมิภาคอาเซียน เชื่อว่าจะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับนักลงทุนที่มีศักยภาพได้

นายแซม ชอง กรรมการผู้จัดการ, Head of Foreign Direct Investment Advisory Unit ธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่า UOB ได้ร่วมกับ EEC สนับสนุนนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในไทยผ่านอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่

  • ยานยนต์ยุคใหม่ อาทิ ยานยนต์ไร้คนขับ สเต็ปต่อไปจากรถยนต์ไฟฟ้า
  • การแพทย์และสุขภาพ ในรูปแบบบริการการแพทย์ขั้นสูง ที่ทุกคนต้องมาใช้บริการทั้งการรักษาและการป้องกัน
  • ดิจิทัลและนวัตกรรม
  • เศรษฐกิจสีเขียวและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือครั้งนี้จะครอบคลุมโครงการต่างๆ ที่จะดำเนินการร่วมกัน อาทิ แคมเปญส่งเสริมการลงทุน การจัดโรดโชว์สำหรับนักลงทุน และการสนับสนุนผ่านหน่วยงานที่ปรึกษาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDIA) ของธนาคาร

ที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2563 หน่วยงาน FDIA ของยูโอบี ได้สนับสนุนให้บริษัทกว่า 450 แห่ง ขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทย คาดสร้างมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 45,000 ล้านบาท และสร้างโอกาสการจ้างงานให้กับคนไทยมากกว่า 31,000 ตำแหน่ง

จากการส่งเสริมการลงทุนทั่วภูมิภาคอาเซียนของ UOB อยู่ที่ 5,000 บริษัท คิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2570 จะช่วยสร้างโอกาสจ้างงานทั่วอาเซียนทะลุ 1 ล้านตำแหน่ง

“UOB ประเมินว่า ภูมิภาคอาเซียนจะมีการลงทุนโดยตรงจาก ตปท. (FDI) ประมาณ 3.12 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2570 จากปีก่อนมีมูลค่าอยู่ที่ 2.26 แสนล้านดอลลาร์”