ในระหว่างการมาเยือนสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของ Meta ในสิงคโปร์ คุณนิโคลา เมนเดลซัห์น ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจระดับโลกของ Meta ได้ประกาศเปิดตัวเครื่องมือใหม่หลายรายการ เพื่อช่วยให้ผู้ลงโฆษณาเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของตนในระดับสูงสุด ผ่านเครื่องมือชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับแคมเปญที่เข้าถึงได้ง่ายและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถขยายผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ Meta ในปี พ.ศ. 2567 รวมถึงอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับ Generative AI และ Threads ของ Meta อีกด้วย
ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ Meta จะเริ่มทยอยปล่อยเครื่องมือและประสบการณ์จากผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้แบรนด์ ธุรกิจและผู้ลงโฆษณาได้ทดลองใช้ ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ดังนี้
Opportunity Score: โอกาสเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาสูงสุด
Meta ได้พัฒนาวิธีการที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญได้ในระดับสูงสุด ผ่านเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า Opportunity Score ซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบของ “คะแนน” โดยเครื่องมือนี้จะช่วยระบุโอกาสและให้คำแนะนำในการเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณานั้นใน Ads Manager แบบทันที (real-time) อีกทั้งยังให้คำแนะนำวิธีการต่อยอดเครื่องมือ AI และระบบอัตโนมัติของ Meta ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแบรนด์และธุรกิจสามารถดูคะแนน Opportunity Score ของตนเองได้ใน Ads Manager พร้อมคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละแบรนด์และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผล รวมถึงขั้นตอนปฏิบัติที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ ที่สามารถนำไปใช้ได้ง่ายเพียงไม่กี่คลิก
คะแนนที่สูงแสดงให้เห็นว่าผู้ลงโฆษณากำลังปฏิบัติตามแนวทางที่ดีที่สุดของ Meta และมีแนวโน้มที่จะเห็นผลลัพธ์การดำเนินงานที่ดีขึ้นในระยะยาว ในขณะที่คะแนนที่ต่ำกว่าบ่งชี้ว่าอาจมีคำแนะนำที่ควรนำไปปรับใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ จากการทดสอบในช่วงแรกกับแบรนด์และผู้ลงโฆษณาที่นำคำแนะนำจากคะแนนโอกาสไปปรับใช้ พบว่าต้นทุนต่อผลลัพธ์ลดลงโดยเฉลี่ย 5% โดยการทดสอบส่วนใหญ่มาจากตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยตรง
การตั้งค่าแคมเปญ Meta Advantage+
Meta กำลังทดสอบการตั้งค่าแคมเปญ Meta Advantage+ รูปแบบใหม่ เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดด้วย AI (AI-optimization) ได้มากขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพนี้ยังได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Advantage+ Shopping และแคมเปญ App เมื่อผู้ลงโฆษณาตั้งค่าแคมเปญเพื่อการขาย (sales) การติดตั้งแอป (app install) หรือแคมเปญที่หากลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่สนใจ (leads campaign) ระบบจะเปิดใช้งานเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงโฆษณายังสามารถปรับแต่งด้วยตนเองได้ตามต้องการ ผู้ใช้งานจะเห็นป้ายกำกับการเปิดและปิด Advantage+ แบบใหม่ ซึ่งจะช่วยให้เห็นว่าแคมเปญของตนได้ตั้งค่าให้ใช้ AI ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของ Meta อยู่หรือไม่ ในช่วงทดสอบนี้ Meta จะเปลี่ยนชื่อแคมเปญ Advantage+ Shopping เป็นแคมเปญ Advantage+ Sales
แคมเปญ Advantage+ Leads
นอกเหนือจากโซลูชันแบบครบวงจร (end-to-end solutions) สำหรับแคมเปญการขายและแอปที่มีอยู่แล้วใน Meta Advantage+ ตอนนี้ Meta ได้เพิ่มวัตถุประสงค์ใหม่สำหรับการทำแคมเปญอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ (full campaign automation) ด้วยแคมเปญ Advantage+ Leads โดยผู้ลงโฆษณาสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้ม (leads) ที่มีคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานได้สูงสุด ผลการทดสอบในช่วงแรกแสดงให้เห็นผลลัพธ์เชิงบวก โดยแคมเปญ leads ที่เปิดใช้ Advantage+ มีต้นทุนต่อกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้ม (cost per lead) ต่ำกว่าแคมเปญที่ปิด Advantage+ โดยเฉลี่ย 14%
อนาคตของการโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ในระหว่างการพบปะสื่อมวลชนในภูมิภาค คุณนิโคลา เมนเดลซัห์น ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Meta ในการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ลงโฆษณา โดยกล่าวว่า “เราเชื่อว่า AI มีศักยภาพที่จะพลิกโฉมวิธีการที่ธุรกิจต่าง ๆ ใช้ในการทำโฆษณา ด้วยเครื่องมือใหม่เหล่านี้ เรากำลังเปิดโอกาสให้ผู้ลงโฆษณาจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึงและทดลองใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI (AI-driven optimization) และคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละแบรนด์”
คุณนิโคลายังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แบรนด์และผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกที่จะปรับการตั้งค่าด้วยตนเองในการตั้งค่า Advantage+ แบบใหม่ตามความต้องการได้ “แบรนด์และผู้ลงโฆษณาไม่จำเป็นต้องใช้แคมเปญ Advantage+ sales หากไม่ต้องการใช้การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI ขั้นสูงของเรา ในการตั้งค่าใหม่นี้ พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างง่ายดายว่า Advantage+ ถูกปิดอยู่หรือไม่ ผ่านปุ่มสลับในแถบด้านข้าง อย่างไรก็ตาม แคมเปญ Advantage+ shopping เป็นหนึ่งในโซลูชันโฆษณาที่เติบโตเร็วที่สุดของเรา และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้อย่างกว้างขวาง โดยผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าแคมเปญโฆษณาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ใช้แคมเปญ Advantage+ shopping มีผลตอบแทนต่อค่าใช้จ่ายโฆษณา (ROAS) สูงกว่าถึง 4 เท่า และในขณะที่เราก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของเครื่องมือโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI สิ่งที่ Meta ให้ความสำคัญที่สุดคือการช่วยให้แบรนด์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญตามความต้องการ นี่คือเหตุผลที่เราจะยังคงลงทุนในเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดแนวทางให้ AI ของเราทำงานได้ตรงตามเป้าหมายของพวกเขา”
ผลการดำเนินงานและความคืบหน้าของ Meta ในปี พ.ศ. 2567
จากข้อมูล ณ สิ้นปี พ.ศ. 2567 มีจำนวนผู้ใช้งานแอปต่าง ๆ ภายในเครือของ Meta อย่างน้อยหนึ่งแอปเป็นจำนวน 3.3 พันล้านคนต่อวัน โดยจำนวนผู้ใช้งานประจำวันของ Facebook, Instagram และ WhatsApp ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ Meta เป็นแพลตฟอร์มการลงโฆษณาชั้นนำ โดยมีชุดเครื่องมือที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับแบรนด์และผู้ลงโฆษณาให้ได้มากที่สุด
ตัวจัดการโฆษณา (Ads): จากการศึกษาของ Meta ในปี พ.ศ. 2567 พบว่าเครื่องมือโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณาสูงกว่า 4 เท่าให้กับแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ แบรนด์และผู้ลงโฆษณาบน Meta เกือบทั้งหมดกำลังใช้งานเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta อย่างน้อยหนึ่งเครื่องมือ และการใช้งานแคมเปญ Advantage+ shopping ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีรายได้เติบโตถึง 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YOY) ในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2567
Generative AI: เครื่องมือของ Meta ช่วยให้แบรนด์และผู้ลงโฆษณาสามารถสร้างครีเอทีฟโฆษณาหลากหลายรูปแบบได้เร็วขึ้น ทำงานได้มากขึ้น ในเวลาที่น้อยลง และใช้ทรัพยากรน้อยลง ปัจจุบันมีแบรนด์และผู้ลงโฆษณามากกว่า 4 ล้านรายที่ใช้เครื่องมือสร้างครีเอทีฟโฆษณาด้วย Generative AI ของ Meta อย่างน้อยหนึ่งเครื่องมือ ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านรายเมื่อหกเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ Meta ยังคงเห็นการใช้งานเครื่องมือโฆษณาด้วย Generative AI ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง โดย 30% ของลูกค้ารายใหญ่ที่สุดใช้งานฟีเจอร์สร้างพื้นหลัง (Background Generation) ในปัจจุบัน
รายการบล็อก (Block lists): Meta กำลังทดสอบรายการบล็อกจากบุคคลที่สาม (third-party block lists) ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจของ Meta ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถควบคุมการแสดงผลโฆษณาของตนใน Facebook และ Instagram Feeds รวมถึง Reels ได้มากยิ่งขึ้น โซลูชันนี้รองรับถึง 34 ภาษา ทำให้มั่นใจได้ถึงความครอบคลุมและความสามารถในการขยายการใช้งานขนาดใหญ่สำหรับแบรนด์ระดับโลก โดยมี IAS เป็นพาร์ทเนอร์ในการทดสอบเริ่มต้น และจะเปิดให้พันธมิตรทางธุรกิจด้านความปลอดภัยและความเหมาะสมของแบรนด์รายอื่น ๆ ของ Meta ได้ใช้งานในเร็ว ๆ นี้
Threads: ในขณะนี้ Threads ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 320 ล้านคน และมีผู้สมัครใช้งานใหม่มากกว่า 1 ล้านคนต่อวัน มีการคาดการณ์ว่า Threads จะก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มสนทนาชั้นนำและมีผู้ใช้งานถึง 1 พันล้านคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ Meta ยังได้เริ่มทดสอบการลงโฆษณาบน Threads ในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาในไตรมาสนี้ และกำลังผนวกมาตรฐานและการควบคุมด้านความปลอดภัยและความเหมาะสมของแบรนด์ของ Meta เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงโฆษณาเกี่ยวกับตำแหน่งที่โฆษณาจะปรากฏ
Video: ในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2567 เวลาในการรับชมวิดีโอทั่วโลกบน Instagram เติบโตในระดับสองหลัก (double digit percentages) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย Reels มีการแชร์ต่อมากกว่า 4.5 พันล้านครั้งต่อวัน