เปิดปี 2025 มานี้ หนึ่งใน GenAI ที่ร้อนแรงสุดในโลกคงหนีไม่พ้น DeepSeek บริษัท AI จากแดนมังกร โดยนอกจากประสิทธิภาพแล้ว สิ่งที่ทำให้ DeepSeek เป็นที่พูดถึงก็คือ การไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลเหมือนกับคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม ก็เกิดคำถามถึงเบื้องหลังความเก่งของ DeepSeek ว่าอาจเกิดจากการ ขโมยข้อมูล จาก OpenAI ไปใช้หรือไม่ ส่งผลให้ Microsoft กำลังสอบสวนเรื่องดังกล่าว และไม่ใช่แค่เรื่องการขโมยข้อมูล แต่ยังมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับจริยธรรม ความเป็นส่วนตัว และแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัย นำไปสู่การ แบน ในหลายประเทศ ได้แก่
สหรัฐอเมริกา
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้เริ่มตรวจสอบว่า DeepSeek ใช้ชิป AI ที่ถูกห้ามส่งออกไปยังจีนในการพัฒนาโมเดล AI หรือไม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ ใช้กับจีน นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายรัฐ และหลายหน่วยงานที่สั่งแบน DeepSeek ได้แก่
- รัฐเท็กซัส: เกร็ก แอบบอต ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส มองว่า กังวลว่าจีนจะใช้ AI เข้าแทรกซึมโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัฐ ผ่านการใช้ AI เพื่อรวบรวมข้อมูล
- รัฐนิวยอร์ก: เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ออกคำสั่ง ห้ามรัฐนิวยอร์กใช้แอป AI จาก DeepSeek ในอุปกรณ์ของรัฐบาล เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเซนเซอร์ของ DeepSeek และความเสี่ยงที่ DeepSeek อาจถูกใช้เพื่อทำการสอดแนม
- กองทัพเรือสหรัฐฯ: โดยห้ามบุคลากรกองทัพเรือใช้ผลิตภัณฑ์ DeepSeek ในทุกกรณี เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย และจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับแหล่งที่มาของเทคโนโลยี
- กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ: โดยสำนักงานระบบสารสนเทศกลาโหม ได้สั่งแบนเว็บไซต์ของ DeepSeek
- องค์การนาซ่า: โดยสั่งแบนผลิตภัณฑ์และบริการของ DeepSeek บนอุปกรณ์และเครือข่ายที่ออกโดยรัฐบาล โดยพนักงานถูกแบนไม่ให้เข้าถึง DeepSeek ผ่านอุปกรณ์ของ NASA และการเชื่อมต่อเครือข่ายที่หน่วยงานใช้
เกาหลีใต้
การแบน DeepSeek ของ เกาหลีใต้ มีจุดเริ่มต้นจากการที่ 3 กระทรวงของเกาหลีใต้ ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม สั่งห้ามพนักงาน ใช้งาน DeepSeek ในการทำงาน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการจัดการข้อมูล
จนนำไปสู่การแบนโดย หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของเกาหลีใต้ (PIPC) ที่ได้สั่งระงับการดาวน์โหลดแอป DeepSeek จาก App Store และ Google Play ชั่วคราว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้
ไต้หวัน
กระทรวงดิจิทัลของไต้หวัน ระบุว่า ห้ามหน่วยงานภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญใช้ DeepSeek เพราะมองว่า การดำเนินงานของ Deepseek มีความเกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลข้ามพรมแดน และการรั่วไหลของข้อมูล ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ
อิตาลี
หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลี (DPA) ได้ทำการสอบสวนเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของ DeepSeek และการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) ซึ่งมองว่า เจ้าหน้าที่ของ DeepSeek ขาดความชัดเจนในการตอบคำถามเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูลของบริษัท และมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทไม่เพียงพอ นำไปสู่การแบนในอิตาลี
ออสเตรเลีย
หลังจากที่หน่วยข่าวกรองของออสเตรเลีย ได้ประเมินแล้วว่า DeepSeek อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่อาจยอมรับได้ ส่งผลให้ กระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย ได้ออกคำสั่ง รัฐบาลใช้งาน DeepSeek ในระบบและอุปกรณ์ทั้งหมด และบริการทั้งหมดของ DeepSeek จะถูกลบออกจากระบบของรัฐบาลในทันที
ต้องรอดูว่าจะมีประเทศไหนออกมาแบน DeepSeek อีกหรือไม่ เพราะมีอีกหลายประเทศที่กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ในยุค AI ที่แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่หากขาดความโปร่งใสด้านข้อมูลและความปลอดภัย ก็ยากที่จะได้รับการยอมรับ