“อายิโนะโมะโต๊ะ” ส่ง “วัฏจักรอาหารยั่งยืน” พิชิตเป้าหมายความยั่งยืนปี 68

• แผนงานด้านความยั่งยืนอายิโนะโมะโต๊ะปี 68
• โครงการ Thai Farmer Better Life Partner สนับสนุนเกษตรกรชาวไร่กาแฟ
• เมกะเทรนด์ธุรกิจอาหารและความยั่งยืนเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัดบริษัทด้านอาหารชั้นนำ ประกาศแผนงานด้านความยั่งยืนประจำปี 68  ชูหลัก “วัฏจักรอาหารยั่งยืน” สร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนใน 4 มิติ สอดคล้องเมกะเทรนด์ด้านอาหารที่ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มจะต้องมีแนวทางที่ชัดเจนด้านการดำเนินงาน เพื่อสร้างความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมเดินหน้าเต็ม สปีดในการลดคาร์บอนและการตรวจสอบได้อย่างเป็นระบบ ยกระดับโครงการ “Thai Farmer Better Life Partner” ด้วยการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่กาแฟ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสร้างความ “กินดีมีสุข” แก่สังคมและเกษตรกรไทย

นายสมิชฌน์ เพ็ชร์ดี ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมความยั่งยืน บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หัวใจสำคัญของอายิโนะโมะโต๊ะ คือ “การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจอาหาร” โดยเรามีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้เติบโต ผ่านการใช้องค์ความรู้ด้าน “AminoScience” อันเป็นความเชี่ยวชาญหลักของบริษัทฯมาสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านอาหาร ที่โดดเด่นด้วยรสชาติอร่อย มีโภชนาการที่ดี ควบคู่ไปกับการดำเนินการที่ลดผลกระทบ พร้อมช่วยฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อม  โดยเป้าหมายหลักของอายิโนะโมะโต๊ะในปี 2568 จะโฟกัสไปที่ “วัฏจักรอาหารยั่งยืน”  ที่มุ่งเน้นไปที่ 4 มิติหลัก ได้แก่

1) จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน 2) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3) การลดพลาสติก 4) การลดขยะอาหารควบคู่ไปกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดความความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป”

วัฏจักรอาหารยั่งยืน ประกอบด้วย 4 มิติหลัก

1) จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างให้เกิดระบบการจัดซื้อวัตถุดิบแบบหมุนเวียนและยั่งยืน บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการบรรลุผลสำเร็จให้ได้ 75% ภายในปี 2568 โดยมุ่งเน้นเรื่องการติดตามและทำการตรวจสอบกลับได้ ซึ่งรวมถึงการจัดหาวัตถุดิบที่ยั่งยืนและไม่ไปรุกล้ำระบบนิเวศหรือรบกวนสิ่งแวดล้อมสำหรับเมล็ดกาแฟบริษัทฯ จะรับซื้อเมล็ดกาแฟจากไร่ที่มีคุณภาพตาม “หลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP)” กับกรมส่งเสริมการเกษตร

2) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีการดำเนินงานตามแนวทาง Ajinomoto Bio-cycle ที่เป็นกลไกความร่วมมือกับภูมิภาคท้องถิ่น เพื่อสร้างกระบวนการจัดการการผลิตและการเกษตรอย่างยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยโรงงานการผลิตทั้งหมด 7 แห่ง เป็นโรงงานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำหลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) มาใช้ในการจัดการภายในโรงงาน ในปีนี้ อายิโนะโมะโต๊ะได้ตั้งเป้าหมายในการตรวจสอบ carbon footprint ที่เกิดขึ้นทั้งหมดพร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าเพื่อการดำเนินงานลดคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง

3) การลดพลาสติกบริษัทฯ มุ่งเน้นการลดพลาสติกในบรรจุภัณฑ์ ด้วยการลดการใช้พลาสติกใหม่และเลือกใช้
บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้อีกทั้งยังส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างเป็นรูปธรรม

4) การลดขยะอาหารปัจจุบัน 6 โรงงานของอายิโนะโมะโต๊ะสามารถพิชิตเป้าหมายการลดขยะอาหารได้ 100% ส่วนโรงงานเบอร์ดี้สามารถลดขยะอาหารได้สำเร็จ 82% ซึ่งนับเป็นผลสำเร็จที่ก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับชุมชนข้างเคียงรอบพื้นที่โรงงานเพื่อส่งเสริมเรื่องการลดขยะอาหาร ด้วยการนำเอาวัตถุดิบที่เหลือจากการผลิต “รสดี” และ “เบอร์ดี้” ไปทำอาหารสัตว์หรือปุ๋ยแจกจ่ายตามชุมชนสำหรับการดำเนินงานเพื่อช่วยลดขยะอาหารในบริบทของครัวเรือน บริษัทฯ ได้มีการผลักดันผ่านโครงการ “Too Good To Waste กินหมดลดโลกร้อน” ที่รณรงค์ให้ผู้บริโภคร่วมลดขยะอาหารผ่าน “สูตรอาหารรักษ์โลก” ที่อร่อยแล้วยังดีต่อโลกซึ่งในปีที่
ผ่านมา อายิโนะโมะโต๊ะมีแคมเปญการครีเอทเมนู “Too Good To Waste” ร่วมกับร้านอาหารชื่อดังอาทิร้านเป็นลาว และร้านจิรกาล เพื่อหวังจุดประกายการลดขยะอาหารให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคไปพร้อม ๆ กัน

“บริษัทฯ มีแผนที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดความความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างวัฏจักรอาหารยั่งยืนในอนาคตต่อไป” นายสมิชฌน์กล่าวเสริม

นายนพดล จิตรมั่น ผู้จัดการหน่วยงานผลิตและพัฒนา บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เราเป็นบริษัทต้นแบบทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่มีการดำเนินงานหลัก 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1) การเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์การเกษตร โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ที่ได้จากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นปุ๋ยชีวภาพทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์สำหรับพืช และอาหารสำหรับสัตว์โดยปีที่ผ่านมา สามารถสร้างการเติบโตของยอดขายได้ถึง 30% และ 2) การสานต่อโครงการ “Thai Farmer Better Life Partner” เป็นปีที่ 5 เพื่อยกระดับผลผลิตและความรู้แก่เกษตรกรไทย ปัจจุบันมีพี่น้องเกษตรกรเข้าร่วมทั้งหมด 1,300 ครัวเรือน โครงการนี้ช่วยให้ผลผลิตมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 30% โดยเป้าหมายในปี 2573 บริษัทฯมุ่งดำเนินธุรกิจแบบ Net Zero พร้อมขยายวัตถุดิบทางการเกษตรที่ตรวจสอบกลับได้เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนเพาะปลูกไปจนถึงหลังเสร็จสิ้นกระบวนการผลิต เพื่อให้สามารถดำเนินการลด CO2scope 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

โครงการมันสำปะหลังสู่ความยั่งยืน

แผนการดำเนินงาน 5 กิจกรรมหลักคือ 1) AFDG one-stop service ครบวงจรทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ด้วยการสร้างเครือข่ายเพื่อการเกษตรกับพาร์ตเนอร์ เช่น คูโบต้าในเรื่องการเตรียมดิน เก็บเกี่ยว และสตาร์ตอัพการเกษตร ListenField พัฒนาแอปพลิเคชั่นการเกษตรที่มีการพยากรณ์อากาศ การเจริญเติบโต การเก็บเกี่ยวและการตรวจสอบกลับได้ 2) นำระบบ AI มาสร้าง supply chain เพื่อช่วยในการจับคู่โรงงานแป้งและเกษตรกร 3) ร่วมมือกับโรงแป้งในการรับมันสำปะหลังของโครงการ “Thai Farmer Better Life Partner” 4) พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ปุ๋ยชีวภาพ/สารกระตุ้นชีวภาพเพื่อเสริมการเจริญเติบโตของพืชและการจัดการน้ำ 5) Farm School สานต่อโครงการร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร มุ่งเน้นการให้ความรู้และเทคนิคการเพาะปลูกที่ทันสมัยแก่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและกาแฟเพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรไทย

โครงการ Green Coffee Bean (GCB) Farmer Sustainability

ในฐานะที่อายิโนะโมะโต๊ะ เป็นผู้ผลิตกาแฟ “เบอร์ดี้” ที่เป็นกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มเจ้าตลาดในประเทศไทย บริษัทฯ จึงพร้อมสนับสนุนการเติบโตของเกษตรกรไทยอย่างครบวงจร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตาม “หลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP)” กับกรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรงตามมาตรฐานที่กำหนด ควบคู่ไปกับการไม่ทำให้เกิดมลพิษ และเกิดความยั่งยืนทางการเกษตรในระยะยาว

“บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า roadmap สู่ความยั่งยืนนี้จะช่วยสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจด้านการเกษตรของไทย พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องเกษตรกรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สู่อนาคตที่สดใสไปด้วยกัน” นายนพดล กล่าวทิ้งท้าย