ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หนังไทยเข้าอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มอย่างต่อเนื่อง โดยที่ดาวรุ่งก็คือ “หนังผี” หรือหนังสยองขวัญ มีหนังที่สร้างปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่องทั้ง “ธี่หยด” และ “สัปเหร่อ” ขึ้นทำเนียบหนังพันล้านเป็นที่เรียบร้อย สะท้อนพฤติกรรมคนไทยชอบเรื่องผี เรื่องลึกลับ
ด้วยความร้อนแรงของหนังผี ส่งแรงกระเพื่อมให้ตลาดภาพยนตร์ไทยเติบโตด้วยเช่นกัน ในปี 2567 ที่ผ่านมามีมูลค่า 2,500 ล้านบาท จากการฉายทั้งหมด 40 เรื่อง รายได้ส่วนใหญ่โตจากหนังผี นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่สร้างกระแสอย่างอนงค์ และวัยหนุ่ม
ฉายแสงฯ จับมือ Ghost Radio เอาเรื่องผีลงโรงฉาย
จากศักยภาพของหนังผีไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่ายหนังหลายเจ้าลงมาจับตลาดหนังผี แม้แต่ “ฉายแสง แอด.เวนเจอร์” ที่ไม่ได้เป็นบริษัทสร้างหนังโดยตรง ยังต้องขอร่วมขบวนด้วย โดยได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ Ghost Radio เจ้าพ่อคอมมูนิตี้เรื่องผีในไทย ในการเอาคอนเทนต์เรื่องผีมาสร้างเป็นภาพยนตร์
โดยที่ ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ เป็นบริษัทวางแผนด้านสื่อสารการตลาดให้กับภาพยนตร์ พร้อมกับจัดจำหน่ายธุรกิจภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ จัดหาลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทย และภาพยนตร์ต่างประเทศ อยู่ในเครือ บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (Titan Capital Group Holding) เป็น Holding Company ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนในบริษัทต่างๆ ได้แก่ บริษัท จัสท์คาร์ จำกัด, บริษัท จัสท์โลน จำกัด, บริษัท ไมนิ่งโปร จำกัด, บริษัท เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด, บริษัท วงษ์พาณิชย์รีไซเคิล ระยอง จํากัด, บริษัท รีพับบลิค ออฟ เลเจ้นด์ จำกัด และบริษัท อชูราส เกม สตูดิโอ จำกัด
การร่วมมือกันของฉายแสงฯ และ Ghost Radio เป็นในโมเดลการร่วมทุนเปิดโปรเจกต์ GHOST LIGHT ด้วยการนำเรื่องเล่าสยองขวัญจากรายการ The Ghost Radio มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ เตรียมปั้น “ข้างบ้าน” เป็นหนังเรื่องแรก คาดจะฉายในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ใช้งบลงทุนเบื้องต้น 25-30 ล้านบาท
ชัยวัฒน์ มิ่งไม้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฉายแสง แอด. เวนเจอร์ จำกัด เปิดเผยว่า
“ปัจจุบัน ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ เป็นบริษัทที่ทำการตลาดและจัดจำหน่ายให้กับภาพยนตร์ไทยจากค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์มเป็นหลัก แต่เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของรายได้ในประเทศและต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการคอนเทนต์ไทยในตลาดโลก โดยมีภาพยนตร์ที่ทำรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท และอีกหลายเรื่องสามารถทะลุ 100 ล้านบาทได้สำเร็จ โดยเฉพาะภาพยนตร์แนวสยองขวัญ (Horror) และ แนวคอมเมดี้ (Comedy) ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย”
ฉายแสงฯ เองมองเห็นโอกาสของคอนเทนต์แนวสยองขวัญ เห็นว่าตลาดต้องการหนังผี จึงมองหาพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งด้านเรื่องผี จึงได้พูดคุยกับ “พี่แจ็ค” แห่ง Ghost Radio พูดคุยกันราว 1 ปี จนได้โมเดลที่ลงตัว เป็นอีกหนึ่งยูนิตของฉายแสงฯ แต่ยังไม่ถึงกับการจัดตั้งบริษัทใหม่ โดยทางฉายแสงฯ ดูแลเรื่องการตลาด การจัดจำหน่าย ส่วนพี่แจ็คดูแลเรื่องคอนเทนต์ เป็นเจ้าของเรื่อง แล้วแบ่งรายได้กัน 50 : 50
คนไทยชอบ Base on True Story
จากการสำรวจแนวโน้ม และศักยภาพตลาดภาพยนตร์สยองขวัญสำหรับคอหนังในประเทศไทย พบว่าภาพยนตร์สยองขวัญเป็นแนวที่อยู่คู่กับผู้ชมชาวไทยมาอย่างยาวนาน และยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง เห็นได้จากภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงในประเทศ เช่น สัปเหร่อ และธี่หยด ซึ่งล้วนมีองค์ประกอบของความสยองขวัญอยู่ในเนื้อหา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมของคอหนังที่ยังคงให้ความสนใจภาพยนตร์แนวนี้ จากแนวโน้มตลาดที่ชัดเจน
อีกทั้งภาพยนตร์สยองขวัญยังแข็งแกร่งในตลาดอาเซียนด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ อิทธิพลของภาพยนตร์สยองขวัญจากอินโดนีเซียที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย โดยมองว่าภายใน 2-4 ปีข้างหน้า ตลาดภาพยนตร์สยองขวัญยังคงมีศักยภาพสูง จึงมองว่าการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สยองขวัญเป็นโอกาสที่สำคัญ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ชมและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย
ถ้าย้อนกลับไปในระดับ 5-10 ปี ทำเนียบหนังไทย หรือหนังที่ได้รับกระแสดีๆ ล้วนเป็นหนังสยองขวัญทั้งสิ้น เช่น พี่มากพระโขนง, ชัตเตอร์… กดติดวิญญาณ, สี่แพร่ง และห้าแพร่ง เพราะจริตคนไทยชื่นชอบหนังตลก และหนังผี เรียกว่าเป็นสูตรสำเร็จของหนังไทยเลยก็ว่าได้
อีกหนึ่งอินไซต์ของคนไทยก็คือ ชื่นชอบคอนเทนต์แนว Base on true story หรือแนวๆ สร้างจากเรื่องจริง จะได้รับการตอบรับดี คนไทยจะรู้สึกว่าแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง รู้สึกอินไปด้วยเป็นพิเศษ
โปรเจกต์ Ghost Light จึงดีไซน์มาเพื่อคนดู ดัดแปลงจากเรื่องจริง หยิบเรื่อง “ข้างบ้าน” เป็นเรื่องแรก เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว ทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัย รู้สึกมีส่วนร่วม และมีความสากล สามารถต่อยอดไปขายต่างประเทศได้
โดยที่พี่แจ็คบอกว่า “ข้างบ้าน” ไม่ใช่เรื่องที่มียอดคนฟังเยอะที่สุด แต่คนจะอินได้มากที่สุด เพราะใกล้ชิดกับเรื่องราวในชีวิตประจำวันของคนไทย ทุกคนต้องมีเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นจะดึงคนดูให้มีส่วนร่วมได้มากที่สุด