ฐิติกรประกาศศักดาความเป็นผู้นำเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่สุดของไทย แถลงผลการดำเนินงาน 9 เดือนฟันรายได้ถึง 1,047.42 ล้านบาท เฉพาะไตรมาสสามมีผลกำไรสุทธิ 100.4 ล้านบาท ขยายตัวจากงวดเดียวกันของปี 45 ถึง 43% และมีกำไรในงวด 9 เดือนสะสมที่ 287.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปีที่แล้ว ประสบความสำเร็จงดงามจากากรขยายสาขา เดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มอีกใน 8 – 10 จัดหวัด มั่นใจปีหน้าผลประกอบการเติบโตแบบก้าวกระโดดแน่นอน ด้านนักวิเคราะห์ฟันธงหุ้น TK โดดเด่ยด้วยความเชี่ยวชาญในธุรกิจ สายสัมพันธ์กับผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ และการเปิดเกมรุกในตลาดต่างจังหวัด
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK) ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบ 9 เดือนว่า บริษัทมีรายได้ 1,047.42 ล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาส 3 มีรายได้รวม 344.30 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3 จำนวน 100.40 ล้านบาท ซึ่งขยายตัวจากงวดเดียวกันของปี 2545 ถึง 43% และมีกำไรในงวด 9 เดือนสะสมที่ 287.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดการให้สินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นโดยมีลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิ 3,826.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2545
“ฐิติกรได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมเกินความคาดหมาย โดยสามารถเพิ่มยอดขายให้กับดีลเลอร์ในพื้นที่ได้อย่างดี ทำให้ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ใกล้เคียงเรียกร้องให้บริษัทขยายการให้บริการสินเชื่อเข้าไปในพื้นที่ ทำให้บริษัทต้องเร่งขยายพื้นที่การให้บริการในบริเวณใกล้เคียงเร็วกว่าแผนการดำเนินงานที่เคยตั้งไว้ นอกจากนี้ยังได้ปรับแผนการขยายพื้นที่การให้บริการในบริเวณใกล้เคียงเร็วกว่าแผนการดำเนินงานที่เคยตั้งไว้ นอกจากนี้ยังได้ปรับแผนการขยายพื้นที่การให้บริการในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ตอนบนอีก 8-10 จังหวัด ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นไปอย่างก้าวกระโดดในปีหน้า อีกทั้งเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท (IPO) เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาจำนวน 1,100 ล้านบาทจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทนับจากไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นต้นไป เนื่องจากต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดต่ำลง ขณะที่มีโอกาสในการขยายสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มมากขึ้น” นางสาวปฐมากล่าว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ฯ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลประกอบการของฐิติกร (TK) ในไตรมาสที่ผ่านมาว่า ผลประกอบการของบริษัทอยู่ในระดับที่เหนือกว่าความคาดหมายเนื่องจากไตรมาส 3 โดยทั่วไปถือได้ว่าเป็นช่วง Low session ของการจำหน่ายจักรยานยนต์ แต่ผลประกอบการในไตรมาส 3 ของฐิติกรกลับมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว นอกจากนี้ จากการที่บริษัทมีนโยบายบัญชีที่เข้มงวด ด้วยการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญไว้เข้มงวดที่สุดในอุตสาหกรรม โดยฐิติกรทำการสำรองหนี้สูญไว้ถึง 348.82 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวโอกาสของการเกิดหนี้สูญจะน้อย อันจะทำให้ฐิติกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากหนี้สูญรับคืนในระดับสูง โดยไตรมาสล่าสุดฐิติกรมีรายได้ในส่วนนี้ 24.20 ล้านบาท
และเมื่อผนวกกับตลาดรถจักรยานยนต์ซึ่งมีขนาดใหญ่ แลมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปีจะทำให้ฐิติกรซึ่งเป็นผู้นำสินเชื่อรถจักรยานยนต์มากว่า 2 ทศวรรษ และมีสายสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ มีความโดดเด่นเหนือกว่าผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายอื่นๆ นอกจากนี้การรุกขยายตลาดเข้าไปในต่างจังหวัดซึ่งมีสัดส่วนการจำหน่ายรถจักรยานยนต์กว่า 85% ของทั้งประเทศ จะยิ่งเสริมให้หุ้นของฐิติกรมีความโดดเด่น อันถือว่าเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มสดใสตัวหนึ่ง
อนี่ง บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เน้นการดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ในสองบริษัทลูก ได้แก่ ซี.วี.เอ. ซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก และ ชยภาค ซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 30 ปี และมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจและเจ้าหน้าที่สินเชื่อกระจายกว่า 350 แห่งทั่วประเทศ ทำให้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งมาเป็นเวลานานกว่า 20ปี
ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด 37% และสำหรับธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์นั้น บริษัทเน้นการให้บริการรถบนต์มือสองเกือบทั้งหมด ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ทั้งนี้จากการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์มาเป็นเวลานานทำให้กลุ่มบริษัทมีระบบฐานข้อมูลลูกค้าเช่าซื้อเป็นของตัวเอง โดย ณ วันที่ 31 มิถุนายน 2546 กลุ่มบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดประมาณ 6,000 ล้านบาท มีลูกค้ากว่า 100,000 ราย และมีฐานข้อมูลประวัติลูกค้ากว่า 500,000 ราย