สถานการณ์ยอดขายใหม่ (New Sale) ของกลุ่มบ้านจัดสรร พื้นที่ชลบุรี หดตัวต่อเนื่อง 2 ปีติด ตามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ดังนี้
ปี 2567
ไตรมาส 1 หน่วยยอดขาย -10.3%
ไตรมาส 2 หน่วยยอดขาย -28.4%
ไตรมาส 3 หน่วยยอดขาย -41.3%
ไตรมาส 4 หน่วยยอดขาย -51.7%
ปี 2566
ไตรมาส 1 หน่วยยอดขาย -38.5%
ไตรมาส 2 หน่วยยอดขาย -39.9%
ไตรมาส 3 หน่วยยอดขาย -24.6%
ไตรมาส 4 หน่วยยอดขาย -14.8%
“วัฒนพล ผลชีวิน” นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี และกรรมการผู้จัดการ บริษัท มณีรินทร์ พร็อพ เพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า โดยปกติบ้านทาวน์เฮ้าส์ในชลบุรี ขายได้ 500-600 หน่วย/ปี ปัจจุบันขายได้เพียง 100 หน่วย/ปี
โดยบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ขายแทบไม่ออก ปัจจัยหลักมาจากกำลังซื้อหดตัว และสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยน้อยลง ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถกู้ซื้อบ้านได้
จากยอดขายค่อนข้างอืด ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยชลบุรี ปรับรูปแบบจากการขายมาสู่การเช่าแทน
ยกตัวอย่าง เคสโครงการบ้านจัดสรร ย่านนิคมอมตะซิตี้ชลบุรี ได้นำทาวน์เฮ้าส์ ราคา 2 ล้านบาท/ยูนิต จำนวน 3,000 ยูนิต มาทำบ้านเช่าแทน โดยมีเป้าหมายเจาะกลุ่มผู้ทำงานอยู่ในนิคมอุตฯ
ทั้งนี้ ได้คิดค่าเช่าประมาณ 4,500 บาท/เดือน ได้รับผลตอบรับดี อัตราเช่าแทบเต็ม 100% โดยมีผู้เช่าย้ายเข้าทันที หลังตบแต่งทาสีเพิ่งเสร็จเพียง 1 วันเท่านั้น
เมื่อถามถึงกรณีจะพัฒนาสู่รูปแบบ Rent to Own หรือ การเช่าระยะหนึ่ง เพื่อทำสเตตเมนต์ทางการเงิน ให้ธนาคารมั่นใจว่ามีศักยภาพในการผ่อนชำระ จนนำไปสู่การกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่นั้น
วัฒนพล กล่าวว่า การเช่าทาวน์เฮ้าส์จ่าย 4,500 บาท/เดือน แต่บ้านในโซนดังกล่าวมักมีราคา 2 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการผ่อนชำระ 9,000-10,000 บาท/เดือน
ดังนั้น การที่ผู้เช่าสามารถจ่ายค่าเช่าได้ 4,500 บาท/เดือน ไม่ได้แปลว่าเมื่อกู้ซื้อบ้านจริง ๆ จะสามารถผ่อนชำระในราคา 9,000-10,0000 บาท ไหวนั่นเอง
หากจะนำสเตตเมนต์การชำระค่าเช่า 4,500 บาท/เดือน ไปยื่นกับแบงก์ อาจต้องกู้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 990,000 บาท ซึ่งบ้านราคาเช่นนี้มักอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่ตอบโจทย์คนที่ต้องการอยู่ใกล้โซนงาน