หลังจากผ่านช่วงสงกรานต์มา ภาพของ เศรษฐกิจไทย ก็เริ่มชัดเจนขึ้น เพราะมีทั้งเรื่อง ภาษีทรัมป์ ภาคการท่องเที่ยว และกำลังซื้อ ทำให้ มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป หรือ MI Group ได้ออกมา หั่น แนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณา-การตลาด จากที่คาดว่าจะโตได้ +4.5% เหลือเพียง +2.2% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 87,666 ล้านบาท
8 กลุ่มเป้าหมายต้องโฟกัสปี 2568
แม้ผู้บริโภคในปัจจุบันจะซับซ้อน หลากหลายและมีความเฉพาะตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม MI GROUP ระบุว่า ปีนี้ไม่ใช่เวลายิงโฆษณากว้างๆ หรือจำกัดวงแคบจนเกินไป แต่ต้องเล็งแหลม และกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ไปยัง กลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ และการจับจ่ายสินค้าและบริการในหมวดที่แตกต่างกัน ได้แก่:
- กลุ่มใกล้เกษียณ/ผู้สูงวัย “พลังเงียบที่ยังเปล่งเสียง”– 18.6 ล้านคน
กลุ่มใหญ่มากที่มีทั้งเวลาและกำลังซื้อ พร้อมดูแลตัวเองและคนรอบข้าง ต้องการความมั่นใจในแบรนด์และความคุ้มค่าเป็นกลุ่มที่อาจไม่ได้ไวกับเทคโนโลยี แต่ซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ที่เชื่อถือได้
ช่องทางแนะนำ: Line, TV, YouTube, Facebook, สื่อนอกบ้าน (ป้าย/Transit/ห้างฯ/โรงพยาบาล), บูธกิจกรรม (ตรวจสุขภาพ/แจกสินค้าตัวอย่าง)
- แรงงานต่างด้าว “นักสู้แดนไกล” – มากกว่า 10 ล้านคน
ผู้ที่เดินทางมาทำงานและกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจไทย พวกเขาไม่ได้แค่ทำงาน แต่ใช้จ่าย กิน เที่ยว และสร้างชุมชน ต้องการสื่อสารผ่านภาษาของเขา และช่องทางที่พวกเขาใช้จริง ซึ่งตัวเลข 10 ล้านคน สัดส่วน 6 ล้านรายเป็นชาวเมียนมา ที่เหลือเป็นชาวกัมพูชา และลาว
ช่องทางแนะนำ: Facebook ภาษาถิ่น, YouTube, สื่อนอกบ้าน (ป้าย/Transit/โชห่วย/CVS) ป้ายที่พัก/นิคมฯ/โรงงาน, บูธแจกซิม/สินค้าตัวอย่าง
“กลุ่ม Silver Gen ไม่ใช่แค่มีกำลังซื้อ แต่ยังมีลอยัลตี้สูง ส่วนแรงงานต่างด้าว 10 ล้านคน ประมาณ 6 ล้านเป็นชาวเมียนมา ซึ่งตอนนี้แลนด์สเคปเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนออมเงิน 40% ส่งกลับบ้าน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะคิดตั้งรกราก ทำให้ใช้จ่ายมากขึ้น ออมเงินลดลง” ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด กล่าว
- พนักงานบริษัท “มนุษย์เงินเดือนหัวใจนักสู้”– 18 ล้านคน
กลุ่มชนชั้นกลางที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมือง มีกำลังซื้อ มองหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องการใช้จ่าย สุขภาพ และความมั่นคง เป็นกลุ่มที่เปิดรับข้อมูลเยอะ แต่เลือกเชื่อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และให้คุณค่ากับแบรนด์ที่เข้าใจชีวิตจริง
ช่องทางแนะนำ: Facebook, TikTok, YouTube, LinkedIn, สื่อนอกบ้าน (ป้าย/Transit/ออฟฟิศ), Roadshow ทดลองใช้/สมัครบริการ
- แรงงานบริการ “คนจริงหลังฉากเศรษฐกิจ” – 5 ล้านคน
กลุ่มสำคัญที่สร้างประสบการณ์บริการในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม ไปจนถึงภาคบริการสุขภาพและท่องเที่ยว พวกเขาคือฟันเฟืองที่มักถูกมองข้าม แต่มีพลังการจับจ่าย และเป็นกลุ่มที่เข้าถึงสื่อผ่านมือถือสูงมาก
ช่องทางแนะนำ: Facebook, YouTube, สื่อนอกบ้าน (ป้าย/ตลาดเช้า/ห้างฯ), บูธกิจกรรมในบริเวณแหล่งชุมชนและที่ทำงาน

- แรงงานเกษตร – 12 ล้านคน
กลุ่มแรงงานฐานรากที่ยังคงขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมั่นคง แม้จะไม่อยู่ในเมือง แต่เข้าถึงเทคโนโลยีและโซเชียลมากขึ้นผ่านมือถือ พวกเขาเป็นกำลังซื้อสำคัญในตลาด FMCG และสินค้าจำเป็นที่ตอบสนองต่อความต้องการและวิถีชีวิตของพวกเขา รวมถึงเปิดรับนวัตกรรมเกษตรมากขึ้นเรื่อย ๆ
ช่องทางแนะนำ: Facebook, TikTok, สื่อท้องถิ่น (ป้าย/วิทยุ), อีเวนต์ชุมชน/งานประเพณี
- Micro Sellers (พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์/ออฟไลน์) เสาหลักเศรษฐกิจฐานราก – 4 ล้านคนขึ้นไป
เจ้าของร้านเล็ก ๆ ที่ไม่เล็กในพลัง พวกเขาใช้ทุกเครื่องมือเพื่อสร้างรายได้ ทั้งไลฟ์สด ขายหน้าร้าน และโซเชียล แบรนด์ที่เข้าถึงและสนับสนุนพวกเขาได้ จะได้พลังจากปากต่อปากที่มหาศาล
ช่องทางแนะนำ: Facebook Group, TikTok, ป้ายตลาด/หน้าร้านขายส่ง, อีเวนต์ฝึกอาชีพ/แจกแพ็กเกจเริ่มต้น
- นักท่องเที่ยวต่างชาติ “สายเที่ยวสายเปย์”– เป้าหมาย 36–39 ล้านคน
กลุ่มที่เดินทางเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ พร้อมใช้จ่ายกับสิ่งที่แตกต่าง คุ้มค่า และสร้างความประทับใจ ให้ความสำคัญกับความสะดวก ความต่างเฉพาะถิ่น และประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์ แม้คนจีนที่ดูมาไทยน้อยลง แต่ที่มายังเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ
ช่องทางแนะนำ: ป้ายสนามบิน/แลนด์มาร์ก/ แหล่งท่องเที่ยว, Travel Platform, รีวิว
- Gen Z (13–29 ปี) “เสียงใหม่แห่งอนาคต” – 13 ล้านคน
กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยามโลกในแบบของตัวเอง ทั้งพฤติกรรม การซื้อสินค้า และการเสพสื่อ พวกเขาคือ Trend Setter ตัวจริง แรงขับเคลื่อนของทุกแพลตฟอร์ม พฤติกรรมไวต่อกระแส ต้องการการสื่อสารที่สร้างการมีส่วนร่วมและให้คุณค่าความเป็นตัวเอง อย่างไรก็ตาม Gen Z ถือเป็นกลุ่มที่เปลี่ยนแบรนด์ง่าย และมีความต้องการที่หลากหลาย
ช่องทางแนะนำ: TikTok, IG, YouTube, X, Gaming-Discord, สื่อนอกบ้าน (Transit, ใกล้สถานศึกษา/ห้างฯ)
ดิจิทัลอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด
แน่นอนว่าปัจจุบัน คนใช้เวลาอยู่บนออนไลน์ 6-8 ชั่วโมง/วัน แต่เมื่อทุกแบรนด์หันมาลงกับดิจิทัล และ KOLs เพื่อสร้างยอดขาย ทำให้ตลาดดิจิทัลไม่ใช่ Red Ocean แต่เป็น Black Ocean ทำให้ โดดเด่นยาก ถ้าไม่มีครีเอทีฟจริง ดังนั้น ควรใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และผสมผสานการใช้สื่อ
“สิ่งที่น่ากังวลแทนคือ มาร์เก็ตเตอร์ลงแต่ดิจิทัลอย่างเดียว เพราะเชื่อว่าคนอยู่บนดิจิทัลหมดแล้ว แต่ลืมคิดไปว่าคนออกไปใช้ชีวิต ดังนั้น มีแบรนด์เป็นร้อยเป็นพันแบรนด์มันโดดเด่นยาก ยิ่งติดกับดักกับเอนเกจเมนต์ แต่อาจไม่ได้ยอดขาย ดังนั้น การทำดิจิทัลอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ” ภวัต กล่าว
ภวัต ย้ำว่า Media Mix เป็นอีกจุดที่ทำให้แบรนด์แตกต่างออกมา เช่น ใช้สื่อทีวี หรือสื่อนอกบ้าน (Out of home) ในเชิงการสร้างอแวร์เนส แม้วัดผลไม่ได้เหมือนดิจิทัล แต่ช่วย โกยคน ได้ดีกว่าออนไลน์ ส่วนสื่อดิจิทัลเป็นตัวช่วยให้คนดูข้อมูล ดูรีวิวโดยละเอียด ซึ่งหลายแบรนด์ที่ใช้ Media Mix เห็นยอดขายที่ดีขึ้นจริง ๆ เมื่อเทียบกับแบรนด์ที่ใช้สื่อดิจิทัลอย่างเดียว
“ดิจิทัลไม่ใช่สูตรสำเร็จของคำตอบ ตอนนี้แม้สื่อทีวีจะแข็งแรงน้อยลงแต่ก็ยังแข็งแรงในบางมุม เช่นความน่าเชื่อถือ หรือสื่อ OOH ก็ยิ่งช่วยให้การใช้พรีเซ็นเตอร์มีอิมแพ็ก เพราะพรีเซ็นเตอร์ไม่ได้มีอิมแพ็กมากเมื่ออยู่ในออนไลน์” ภวัต อธิบาย

ปัจจัยบวกยังมีแม้ริบหรี่
แม้ว่านับตั้งแต่ไตรมาส 1 จนถึงกลางไตรมาส 2 ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้มีแต่ เรื่องลบ อย่างไรก็ตาม ยังพอมีปัจจัยบวกบ้าง ได้แก่
- ยอดขายรถในงานมอเตอร์โชว์ที่เติบโต : โดยมียอดจองทะลุ 8 หมื่นคัน เติบโตกว่า 40% โดย 65% ของยอดขายเป็นรถอีวี แน่นอนว่าเศรษฐกิจอาจไม่ได้ดี แต่ยังมีกลุ่มคนที่จ่ายไหว
- สงกรานต์ระดับโลก : Maha Songkran Festival 2025 จัดงาน 5 วัน (11 – 15 เมษายน) ณ ท้องสนามหลวง ที่มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1 ล้านคน สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 4,097.17 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพ Soft Power ไทย ดันสงกรานต์สู่เทศกาลระดับโลกท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแรงต่อเนื่อง
- รัฐประกาศปี 2025 เป็น Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year : โดยจะมีการจัดอีเวนต์ต่อเนื่องมีนาคม–กันยายน เจาะช่วงโลว์ซีซัน แม้ว่าเป้าที่วางไว้จะดึงนักท่องเที่ยว 39 ล้านคนดูท้าทาย แต่เชื่อว่าจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 36 ล้านคน
- Trump ชะลอขึ้นภาษีนำเข้า 90 วันทั่วโลก : ท่าทีที่ผ่อนปรนต่อภาษีสินค้าจีนบางประเภท ส่งสัญญาณว่าความเข้มข้นด้านนโยบายอาจมีการทบทวน