“สัมมา ศรีปรัชญาอนันต์” ทายาทพรเกษมคลินิก ปั้น Skinpro Rx สกินแคร์ร้อยล้านภายใน 2 ปี

ตลาดความสวยความงามในไทยยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่ค่อยสู้ดี แต่ผู้บริโภคยังคงต้องดูแลตัวเอง แต่หันมาเลือกแบรนด์ที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น รวมไปถึงเลือกถึงส่วนผสม ทำให้ตลาด T-Beauty หรือแบรนด์สกินแคร์ เครื่องสำอางสัญชาติไทยได้รับความนิยมมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ Skinpro Rx แบรนด์ที่อยู่ภายใต้ “พรเกษมคลินิก” ที่สามารถสร้างรายได้หลักร้อยล้านภายในระยะเวลา 2 ปีเท่านั้น

ต่อยอดจากพรเกษมคลินิก

เมืองไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อน มีอากาศร้อนชื้นอยู่ตลอดทั้งปี ประกอบกับมลภาวะที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คนไทยมีปัญหาเรื่องผิวได้ง่าย ทั้งผิวมัน เป็นสิวง่าย บางคนผิวแพ้ง่ายต้องเข้าคลินิกที่รักษาผิวเฉพาะทาง ซึ่งหนึ่งในคลินิกที่หลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดีก็คือ “พรเกษมคลินิก” ที่ทำตลาดมากว่า 40 ปีแล้ว

พรเกษมคลินิกก่อตั้งโดย “หมอสุนทร ศรีปรัชญาอนันต์” ผู้ก่อตั้งพรเกษมคลินิก ในตอนแรกใช้ชื่อว่า “สุนทรการแพทย์” ภายหลังมีพี่ชายที่เป็นหมอผิวหนังมาร่วมทำธุรกิจด้วย จึงเปลี่ยนชื่อเป็นพรเกษมคลินิก มาจากชื่อพ่อและแม่ “พรอำไพ” และ “เกษม” เป็นคลินิกสำหรับผู้มีปัญหาผิวหนัง

Skinpro Rx

ด้วยความที่เป็นคลินิกรักษาผิวหนัง รวมถึงคนมีปัญหาสิว ผิวแพ้ง่าย ก็จะมีสินค้ากลุ่มครีม ยาทาสิวต่างๆ ที่จ่ายให้คนไข้ โดยที่ไม่ได้จำหน่ายข้างนอก เป็นเบสิกสกินแคร์หลอดขาว แปะสติ๊กเกอร์สำหรับคนมีปัญหาสิว ผิวแพ้ง่าย ผิวขาดน้ำ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทายาทเจน 2 (ลูกสาวคนโต) เริ่มนำสกินแคร์สูตรคลินิกมาพัฒนาเป็นแบรนด์ขายนอกคลินิกแล้วหยุดไป จนมาถึง “หั่ง – สัมมา ศรีปรัชญาอนันต์” (ลูกชายคนรอง) เข้ามาสานต่อ พร้อมพัฒนาเป็นแบรนด์ Skinpro Rx

สัมมาเริ่มเล่าว่า “จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Skinpro Rx มาจากการเห็นพี่สาวทำสกินแคร์สูตรพรเกษมคลินิก จึงอยากจำหน่ายข้างนอกบ้าง ให้ลูกค้าคนอื่นที่ไม่ใช่คนไข้ของคลินิกได้ซื้อ อยากทำแบรนด์เวชสำอางในราคาที่เข้าถึงได้ มองเห็นช่องว่างในตลาดที่ไม่มีเวชสำอางในราคาที่เข้าถึงได้เลย มีแต่แบรนด์จากต่างประเทศ”

โปรเจกต์ Skinpro Rx จึงเริ่มต้นเมื่อปี 2564 จัดตั้งบริษัท พรเกษมคอสเมติก จำกัด เป็นบริษัทลูกที่ดูแลธุรกิจสกินแคร์โดยเฉพาะ หลังจากนั้นได้เริ่มจำหน่ายจริงเมื่อปี 2565 แรกเริ่มได้วางจุดยืนเป็นสกินแคร์สำหรับคนผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ลูกค้าที่ได้ใช้ส่งข้อความมาบอกว่าใช้ดี ผิวดีขึ้นจริงๆ จากนั้นก็เริ่มคิดค้นสินค้าตัวอื่นๆ เพิ่ม

Skinpro Rx

“กว่าจะคลอดโปรเจกต์นี้ใช้เวลาเกือบปีเหมือนกัน จริงๆ พรเกษมมีสินค้าอยู่แล้ว 10 กว่าตัว แต่เลือกมาจัดกลุ่มสินค้าให้ง่ายขึ้น แล้วดูเรื่องแบรนด์ดิ้งให้ชัดเจน”

ส่วนชื่อ Skinpro Rx มีความหมายว่ามีความ Professional ด้านสกินแคร์ ใส่ Rx สื่อถึงใบสั่งยา มีความหายว่าเป็นสกินแคร์ที่แพทย์เป็นคนจ่ายให้ มีความน่าเชื่อถือ

สัมมาเป็นทายาทพรเกษมคลินิก จบการศึกษาด้าน MBA ก่อนหน้าที่จะทำธุรกิจครอบครัวมีประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาบริหารธุรกิจ เคยทำงานที่ Shopee และ Pomelo จริงๆ แล้วสัมมาไม่ได้สนใจธุรกิจสกินแคร์ แต่เป็นคนชอบเรื่องการเงิน และการลงทุน

เวชสำอางที่เข้าใจคนไทย 

Skinpro Rx วาง Positioning เป็นเวชสำอางที่เข้าใจผิวคนไทยจริงๆ ใช้ประสบการณ์การแพทย์จากพรเกษมที่รู้เรื่องผิวคนไทย จากนั้นเอามาพัฒนาสินค้าเพิ่ม ปัจจุบันมีสินค้ารวม 30-40 รายการ แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสิว, ผิวแพ้ง่าย, เพิ่มความชุ่มชื้น, กระจ่างใส และริ้วรอย

“Skinpro Rx เกิดจาก Pain Point ที่พบว่าคนไข้ไม่มีสกินแคร์ที่ใช้แล้วผิวดีขึ้นเลย คนไทยมีปัญหาเรื่องสิว และผิวแพ้ง่ายเป็นส่วนใหญ่ จึงจับ 2 กลุ่มนี้เป็นจุดแข็งที่พรเกษมคลินิกเก่งที่สุด กลุ่มสินค้าขายดีตลอดกาลก็คือ เจลล้างหน้าไม่มีฟอง คนไข้ทุกคนต้องได้ใช้ 20-30 ปี ราคา 169 บาท และมอยเจอร์ไรส์เซอร์สำหรับผิวแพ้ง่าย”

Skinpro Rx

ตอนนี้ตลาดสกินแคร์เป็นตลาดทะเลแดงเดือด มีผู้เล่นเก่า ผู้เล่นใหม่มากมาย อีกทั้งกระแสของ T-Beauty ก็เป็นที่นิยมขึ้นมาก แต่จุดยืนที่สำคัญของแบรนด์คือมีจุดขาย มีความน่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์จริง ทำราคาได้ถูกกว่าแบรนด์จากต่างประเทศ ทำให้เข้าถึงคนไทยได้ง่าย

อีกทั้งยุคนี้เป็นยุคที่ผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้น มองหาสกินแคร์จากส่วนผสม รู้ข้อมูลส่วนผสมที่เหมาะกับผิวมากขึ้น เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ เช่นกัน

ปั้นรายได้ร้อยล้านภายใน 2 ปี

Skinpro Rx เปรียบเหมือนสตาร์ทอัพที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีทีมงานราว 20 คน ในปี 2567 สามารถทำรายได้ 117 ล้านบาทได้ภายใน 2 ปีที่วางตลาด เติบโตจาก 31 ล้านในปี 2566 ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 2 เท่า และขยายไลน์สินค้ามากขึ้น

ปัจจุบัน Skinpro Rx เน้นช่องทางการขายผ่านออนไลน์เป็นหลักมีสัดส่วนถึง 90% มีหน้าร้านของแบรนด์ 1 สาขาที่ฟิวเจอร์ รังสิต ร้านติดกับพรเกษมคลินิก ในอนาคตอยากเข้าจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดด้วยเช่นกัน

ส่วนเป้าหมายในระยะยาว สัมมามองว่าอยากเป็นแบรนด์เวชอันดับหนึ่งที่คนไทยไว้วางใจ และอนาคตข้างหน้าอยากนำสินค้าไปจำหน่ายที่ต่างประเทศ