สรุปภาวะตลาดหุ้นและเงินประจำวัน จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาวะตลาดหุ้นและเงินประจำวันพฤหัสบดี ที่ 8 มกราคม 2547 ดังนี้

ประเด็นเปิดตลาด

– ดัชนีตลาดหุ้น Dow Jones วันพุธปรับขึ้นร้อยละ 0.09 สู่ระดับ 10,529.03 จุด ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้น NASDAQ ปิดบวกร้อยละ 0.99 ที่ระดับ 2,077.68 จุด

– ดัชนีตลาดหุ้น Nikkei วันพุธอ่อนตัวลงร้อยละ 0.52 ที่ระดับ 10,757.82 จุด โดยดัชนีหุ้นเปิดตลาดวันพฤหัสบดีแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 10,760.98 จุด

– เงินบาทและเงินยูโรอ่อนค่าลงในเช้าวันนี้ มาอยู่ที่ระดับ 39.007 บาท/ดอลลาร์ และ 1.2619 ดอลลาร์/ยูโร ตามลำดับ ในขณะที่เงินเยนแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 106.16 เยน/ดอลลาร์

– จากการวิเคราะห์ทางด้านเทคนิค ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ดัชนีหุ้นไทยวันพฤหัสบดีนี้คงจะมีแนวรับที่ระดับ 745 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 765 จุด ในขณะที่ประมาณว่าค่าเงินบาทยังคงจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 38.95-39.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

– ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในกลุ่มยูโรโซน ปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนในเดือน ธ.ค. มาอยู่ที่ระดับ 95.6 จาก 95.9 ในเดือน พ.ย.

– ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของฝรั่งเศส ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ –30.0 ในเดือน ธ.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากในเดือน พ.ย.

ภาวะตลาดหุ้น

U.S. Dow Jones: ดัชนีตลาดหุ้น Dow Jones วันอังคารปรับลง 0.09% สู่ระดับ 10,529.03 จุด ขณะที่นักลงทุนเข้าทำการซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนที่ภาคเอกชนจะเปิดเผยผลการดำเนินการและข้อมูลทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะรายงานช่วงปลายสัปดาห์นี้

U.S. NASDAQ: ส่วนดัชนีหุ้น NASDAQ ขยับขึ้น 0.99% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ที่ 2,077.68 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ทางบวกของโบรกเกอร์ที่มีต่อหุ้นอินเทล ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ด้านชิป

Japan Nikkei-225: ดัชนีตลาดหุ้น Nikkei วันพุธอ่อนตัวลง 0.52% สู่ระดับ 10,757.82 จุด เนื่องจากเป็นช่วงปรับฐานของตลาดหลังจากปรับขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มชิปปิ้ง ขณะที่ ค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่กำไรและความสามารถในการแข่งขันมีความอ่อนไหวต่อค่าเงินมาก

Thailand’s SET: ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันพุธดิ่งลง 2.43% ที่ระดับ 750.97 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่าสัปดาห์ จากความกัลวลต่อมาตราการป้องกันการเก็งกำไรในหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ โดยการควบคุมวงเงินซื้อขายหุ้น ขณะที่เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ที่ยังไม่คลี่คลายนั้น ส่งผลให้มีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงานและธนาคาร รวมถึงกลุ่มวัสดุก่อสร้าง

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD: เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดวิตกว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเข้าซื้อเงินดอลลาร์เพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งค่าผ่าน 39 บาทเร็วจนเกินไป

Yen/USD: เงินเยนขยับเพียงเล็กน้อย จากที่แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ได้ชะลอลงจากความกังวลต่อการเข้าแทรกแซงตลาดของทางการญี่ปุ่น โดยนักลงทุนคาดว่าญี่ปุ่นจะป้องกันไม่ให้เงินดอลลาร์อ่อนลงไปกว่าที่ระดับ 105 เยน ซึ่งนาย ฮิโรชิ โอคุดะ ผู้นำกลุ่มลอบบี้ทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น กล่าวว่า การที่ดอลลาร์อยู่เหนือ 105 เยนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากต่อบริษัทที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ

USD/Euro: เงินยูโรอ่อนค่าลง หลังดอลลาร์ได้กระเตื้องขึ้นบ้าง จากที่ญี่ปุ่นอาจมีการเข้าแทรกแซงตลาดโดยการขายเงินเยน ซึ่งอย่างไรก็ดี หลายฝ่ายได้มองว่า ดอลลาร์มีแนวโน้มอาจร่วงลงต่อไปอีก

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

U.S. Treasury 10 Years : Thai Gov. Bond 1 Year : Thailand Bond Volume (MB) : Thai Gov. Bond 5 Years:

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ทรงตัวในพันธบัตรระยะสั้น ขณะที่ พันธบัตรระยะปานกลางและระยะยาว มีอัตราผลตอบแทนขยับขึ้น 1-12 bps. โดยสเปรดระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 2 และ 10 ปี อยู่ที่ 3.29% เพิ่มขึ้นจาก 3.24% เมื่อวันก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ไทย เพิ่มขึ้น 36.32% จากวันก่อน โดยการซื้อขายยังเน้นไปที่ตั๋วเงินคลัง ส่วนพันธบัตรองค์กรภาครัฐและพันธบัตรรัฐบาล เริ่มมีสัดส่วนการซื้อขายมากขึ้น ด้านการประมูลพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ วงเงิน 3 พันล้านบาท ประเภทอายุ 7 ปี (LB111A) มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.90% โดยการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้อัตราผลตอบแทนขยับสูงขึ้น