มาตรการภาษีทรัมป์ 2.0 ที่ประเทศไทยโดนภาษีนำเข้าในอัตรา 36% ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า มีผลต่อมูลค่าการส่งออกรวมของไทยลดลงประมาณ 359,104 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ -1.93% ของ GDP
ส่วนการส่งออกของไทยไปยังตลาดสหรัฐฯ อาจลดลง 8,703 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 300,237 ล้านบาท
กลุ่มกระทบหลัก ได้แก่
- อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (-2,014 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ -69,492 ล้านบาท)
- เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (-1,378 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ -47,533 ล้านบาท)
- อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม -1,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ -34,843 ล้านบาท)
ผลกระทบข้างต้น กดดันเศรษฐกิจไทยให้เปราะบางขึ้น และยังกระทบสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ อย่าง “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” โดยเฉพาะ “ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน“

‘ภวรัญชน์ อุดมศิริ’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย บมจ. เฟรเซอร์สฯ หรือ FPT กล่าวว่า จากประเด็นภาษีทรัมป์ คาดกระทบการส่งออกในไทย ทำให้กลุ่มเจ้าของกิจการ/โรงงาน ที่พึ่งพาการส่งออก ชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไปก่อน
ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดบ้านเดี่ยว ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นเจ้าของกิจการ
“กลุ่มลูกค้าบ้านเดี่ยวระดับบน จะอ่อนไหวกับประเด็นเศรษฐกิจ อย่างนโยบายการเรื่องส่งออก หรือแม้กระทั่งตลาดหุ้นลง ก็ทำให้คนกลุ่มนี้ชะลอซื้อลงได้เช่นกัน”
เฟรเซอร์ส ประเมินว่า ผู้บริโภคยุคใหม่ มองหาความคุ้มค่ามากขึ้น ในราคาที่ “ถูกลงกว่าเดิม” จึงหันมาบริหารต้นทุน ผ่านการลดต้นทุนวัสดุที่ไม่จำเป็น มาปรับใช้เกรดที่ใกล้เคียงกันในราคาคุ้มค่ากว่า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลง 10% และนำมาเป็นส่วนลดราคาบ้านให้ลูกค้าได้ 5% โดยจะนำร่องในบ้านราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปก่อน
ทั้งนี้ ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเดี่ยว กทม. และปริมณฑล ช่วง 7 เดือนแรก (ต.ค. 67 – เม.ย. 68) ของปีงบประมาณ 2568 พบว่าชะตัวลงจากปีงบ 2566-2567 ดังนี้
- ปี 2566 มีมูลค่าโอนฯ 74,811 ล้านบาท
- ปี 2567 มีมูลค่าโอนฯ 73,392 ล้านบาท ลดลง 2% (YoY)
- ปี 2568 มีมูลค่าโอนฯ 62,097 ล้านบาท ลดลง 15% (YoY)
“แม้ปีก่อน ๆ ตลาดบ้านเดี่ยวจะเป็นตัวหลักในการดันการเติบโต แต่จากเศรษฐกิจในปี 2568 ที่ซบเซา ก็ทำให้ตลาดบ้านเดี่ยวชะลอตัวลงตาม”
ขณะที่ปัจจุบัน ตลาดที่อยู่อาศัยยังเผชิญแรงกดดันจากสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยมีอัตราปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจ็กต์ เรต) กลุ่มบ้านเดี่ยวสูงถึง 25% และกลุ่มทาวน์โฮม 45-50%
“คาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัย 3 ปี จากนี้ไป จะชะลอตัว 2.83% ต่อปี ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2570”

