ทำไม? ซีอีโอ ‘NVIDIA’ ถึงขอเรียน ‘วิทย์-ฟิสิกส์’ มากกว่า ‘วิทย์-คอม’ หากต้องกลับไปเรียนอีกครั้งในปี 2025

ย้อนไปในปี 1984 ขณะที่ เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) อายุ 20 ปี เขาเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้าจาก Oregon State University ก่อนจะได้ปริญญาโทวิศวกรรมไฟฟ้าจาก Stanford University ในปี 1992 และประมาณหนึ่งปีต่อมา ในเดือนเมษายน 1993 หวงได้ร่วมก่อตั้ง Nvidia กับเพื่อนวิศวกร คริส มาลาโคสกี้ (Chris Malachowsky) และเคอร์ติส ปรีม (Curtis Priem) ปัจจุบัน อาณาจักรเทคโนโลยี NVIDIA มีมูลค่ากว่า 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

คำถามคือ ถ้าในปี 2025 นี้ เจนเซ่น หวง กลับไปอายุ 20 ปีอีกครั้ง เขาจะเลือกเรียนอะไร? นี่เป็นคำถามจากนักข่าวคนหนึ่ง ที่ได้ถามเขาในระหว่างการเดินทางไปปักกิ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “หากเขาย้อนเวลากลับไปในวัย 20 ปี ที่กำลังจบการศึกษาในปี 2025 แต่ยังมีความทะเยอทะยานเหมือนเดิม เขาจะเลือกทำอะไร?” โดยเขาได้ตอบเพียงว่า

“เขาน่าจะเลือกเรียนวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์มากกว่าวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายว่า ทำไมเขาถึงเลือกที่จะเรียนวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ หากกลับไปเป็นนักศึกษาอีกครั้งในยุคปัจจุบัน แต่อ้างอิงจากทัศนคติของเขาที่เคยขึ้นพูดบทเวที Hill & Valley Forum ที่จัดขึ้น ณ กรุงวอชิงตันเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า เขามองว่า Physical AI กำลังเป็น คลื่นลูกต่อไปของปัญญาประดิษฐ์

โดยคลื่น AI ลูกแรกเรียกว่า Perception AI ซึ่งเกิดในช่วง 12-14 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่โลกได้รู้จักกับ Alex Net ที่แสดงให้เห็นความสามารถของเครื่องจักรในการมองเห็น ได้ยิน และการจำแนกวัตถุ ซึ่งได้ช่วยจุดประกายการเติบโตของ AI สมัยใหม่

จากนั้นก็มาถึงคลื่นลูกที่สองที่เรียกว่า Generative AI ซึ่งเป็นจุดที่โมเดล AI ได้เรียนรู้วิธีเข้าใจความหมายของข้อมูล และยังสามารถแปลภาษาเป็นภาษาต่าง ๆ ภาพ โค้ด และอื่น ๆ อีกมากมาย

ปัจจุบัน โลกอยู่ในยุคที่เรียกว่า Reasoning AI ที่เรามี AI ที่สามารถใช้หลักการและเหตุผล สามารถเข้าใจ สร้างสรรค์ และแก้ปัญหา แต่เมื่อมองไปข้างหน้า คลื่นลูกต่อไปคือ Physical AI หรือก็คือ การนำ AI ไปใส่ในหุ่นยนต์

แต่ Physical AI ที่นำ AI มาใช้ในโลกทางกายภาพ ดังนั้น จะต้องมีความเข้าใจเรื่องของกฎของฟิสิกส์ เช่น แรงเสียดทาน ความเฉื่อย สาเหตุและผลกระทบ เช่น แนวคิดเรื่องการคงอยู่ของวัตถุ หรือข้อเท็จจริงที่ว่าวัตถุยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะอยู่นอกสายตา หรือการทำนายผลลัพธ์

เช่น ทิศทางที่ลูกบอลจะกลิ้ง การเข้าใจว่าต้องใช้แรงเท่าไหร่ในการจับวัตถุโดยไม่ทำให้เสียหาย และการอนุมานการมีอยู่ของคนเดินเท้าที่อยู่หลังรถยนต์ เป็นต้น

“เมื่อคุณเอา Physical AI นั้นมาใส่ในวัตถุทางกายภาพที่เรียกว่าหุ่นยนต์ คุณก็จะได้ระบบหุ่นยนต์ นี่เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเราตอนนี้ เพราะเรากำลังสร้างโรงงานและโรงผลิตทั่วสหรัฐอเมริกา ดังนั้น หวังว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ขณะที่เราสร้างโรงงานและโรงผลิตรุ่นใหม่นี้ พวกมันจะมีระบบหุ่นยนต์สูง และช่วยเราจัดการกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรงที่เรามีทั่วโลก”

หรือก็คือ เจนเซ่น หวง มองว่า AI ยุคต่อไปจะไม่ใช่แค่เซิร์ฟเวอร์ แต่จะเริ่มมาทำงานร่วมกับมนุษย์ในโลกความจริง เป็นยุคของหุ่นยนต์ โดยล่าสุด NVIDIA เพิ่งเปิดตัว ชิปกราฟิก RTX Pro ใหม่ ที่เขากล่าวว่าจะขับเคลื่อนการพัฒนาหุ่นยนต์ ฮิวแมนนอยด์ ซึ่งเขาเชื่อว่า ต่อไปจะมีทีมหุ่นยนต์ที่ทํางานร่วมกับผู้คน เป็นคลื่นลูกต่อไปของ AI

Source