ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยที่ลดลงเรื่อย ๆ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ขณะเดียวกัน แนวคิดใหม่อย่าง Car Subscription หรือการสมัครสมาชิกใช้รถยนต์ กำลังเป็นธุรกิจที่น่าจับตา เพราะเป็นอีกทางเลือกของผู้บริโภคที่ไม่ต้องมีภาระในระยะยาว
ตลาดรถยนต์หดตัวต่อเนื่อง 3 ปีติด
ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ไทย มียอดขายเฉลี่ยที่ 8 แสนคัน/ปี เคยพีคสุดในปี 2556-2557 ที่มียอดขายเกิน ล้านคัน แต่นับตั้งแต่ปี 2565 ยอดขายรถยนต์ก็ตกลงมาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
- 2565 – 849,388 คัน
- 2566 – 775,780 คัน (-8.67%)
- 2667 – 572,675 คัน (-26.18%)
- 2568 – (คาดการณ์) 520,000 คัน (-9.20%)
โดยสาเหตุที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยลดลงต่อเนื่อง เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว, กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง, ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
เทรนด์ Car Subscription ทั่วโลกกำลังโต
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการซื้อรถยนต์ ดังนั้น Car Subscription บริการที่ให้ลูกค้า เช่ารถ รายเดือน หรือรายปี ที่มาช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการใช้รถ แต่ไม่อยากมีภาระผูกพัน
จากรายงานของ Straits Research คาดการณ์ว่าตลาด Car Subscription ทั่วโลก ในปี 2564 จะมีมูลค่าอยู่ที่ 2,952 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเป็น 15,567 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 23.1% โดยภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก คาดว่าจะเติบโตสูงสุดด้วยอัตรา 27.4%
ด้าน McKinsey คาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 รายได้ประมาณ 30% ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกจะมาจากบริการรูปแบบการสมัครสมาชิก (Subscription) และการใช้รถร่วมกัน (Shared Mobility) ขณะที่ Boston Consulting Group คาดว่า ภายในปี 2573 ยอดขายใหม่ 15% ในยุโรปและสหรัฐฯ จะมาในรูปแบบเช่า
แต่ที่น่าสนใจคือ ผลสำรวจของ Deloitte Global Automotive Consumer Study ปี 2568 พบว่า ผู้บริโภควัยรุ่น (18-34 ปี) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สนใจใน Car Subscription โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 49% ของผู้ตอบแบบสอบถาม

ตลาดไทยเพิ่งเริ่มต้น แต่เห็นสัญญาณบวก
แม้ว่าบริการ Car Subscription จะมีในไทยตั้งแต่ปี 2019 และมีผู้เล่นมากมายทั้ง รายเล็ก รายใหญ่ เช่น Eazy Car, Carasti รวมไปถึง ค่ายรถ เองที่ให้บริการ เช่น โตโยต้า ที่มี Kinto แต่ต้องยอมรับว่าตลาด Car Subscription ในไทยยังเป็นตลาดที่เพิ่งเริ่มต้น โดยคนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคย และภาพจำจะคิดถึงแต่รถเช่าระยะสั้น (Rent) เพื่อการท่องเที่ยวมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของ Car Subscription ก็ดูจะเป็นบวกมากขึ้น หลังจากที่ยอดขายรถยนต์ใหม่ของไทยชะลอตัว เห็นได้จากการเติบโตของผู้ให้บริการในไทย อาทิ Eazy Car ที่เติบโตขึ้น 50% ในภาพรวมทั้งการให้บริการเช่ารถระยะสั้นและระยะยาว หรือ Carasti ก็มีสมาชิกว่า 2,000 รายใน 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย, สิงคโปร์ และไทย โดยจำนวนสมาชิกในไทยคิดเป็น อันดับ 2 จาก 4 ประเทศ โดยปีนี้วางเป้าเติบโตขึ้น 2 เท่า
ราคายังเป็นข้อจำกัดใหญ่
คิม จอนส์สัน เล่าว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้บริการ Car Subscription ยังไม่เป็นที่นิยมก็คือ มุมมอง ที่ยังรู้สึกว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของ อีกส่วนก็คือ มองว่า แพง เพราะมักจะเทียบ ค่าเช่า กับ ค่าผ่อน ในระยะยาว
ดังนั้น ลูกค้าหลักของ Carasti ในไทยไม่นับลูกค้าองค์กร (B2B) ส่วนใหญ่จะเป็น Gen X และ Gen Y ซึ่งส่วนใหญ่จะ เคยมีรถ ที่เข้าใจถึง ปัญหา ของการมีรถ โดยเฉพาะเรื่อง ค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าประกันภัย, ค่าบำรุงรักษา, ราคาขายต่อที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาทิ ค่าภาษี, พ.ร.บ. หรือเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ แต่การเช่ารถ ผู้ใช้รู้ต้นทุนเลย ไม่ต้องกังวลเรื่องบริการ เปลี่ยนรถใหม่ได้ทุกปี
“เพราะรถเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าลดลงทุกวัน ดังนั้น ข้อดีของบริการ Car Subscription คือ ผู้ใช้ไม่ต้องมีภาระการเงิน ไม่มีความเสี่ยงขายต่อ แต่คนมักคิดว่าดาวน์เท่าไหร่ ผ่อนเท่าไหร่ แต่ไม่ได้คิดค่าเสื่อม ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ” คิม จอนส์สัน กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย คาราสติ ผู้ให้บริการ Car Subscription อธิบาย
แม้ตลาดมีโอกาสโต แต่รายเล็กอยู่ยาก
พิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส หรือ KCAR มองว่า ตลาด Car Subscription เป็นตลาดที่ผู้เล่นรายย่อยเข้าแทรกมายาก เพราะจุดที่ยากของอุตสาหกรรมก็คือ การบริหารค่าเสื่อมต่าง ๆ ของรถ เพราะต้องอาศัยประสบการณ์ในการประเมิน
ปัจจุบัน ตลาดเช่ารถมีผู้เล่นประมาณ 10 ราย และ 90% เป็นผู้เล่นรายใหญ่ โดยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเลย
แม้ตลาด Car Subscription ในไทยจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เทรนด์โลกและสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไทยที่ซบเซาต่อเนื่องกำลังเปิดโอกาสให้บริการรูปแบบนี้เติบโต การที่ผู้บริโภคเริ่มปรับมุมมองจากการเป็นเจ้าของ สู่ การใช้งาน ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคแล้วว่าจะ ชั่งน้ำหนักอย่างไร



