ราชบุรีโฮลดิ้งยืนยันสถานภาพเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

กรุงเทพฯ – บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ยืนยันสถานภาพเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป แม้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ จากร้อยละ 45 เป็นร้อยละ 60 ด้วยการซื้อหุ้นของบริษัทฯ ที่บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือถือครองอยู่ทั้งหมดจำนวนรวม 217,400,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 14.99

ทั้งนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนายสิทธิพร รัตโนภาส ผู้ว่าการ กฟผ. ได้ยืนยันกับบริษัทฯ อย่างไม่เป็นทางการว่า กฟผ. ยังให้บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) คงสถานภาพเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป เพียงแต่ กฟผ.จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ เป็นร้อยละ 60 โดยมุ่งหวังให้บริษัทฯ เป็นกลไกในการขยายการลงทุนเพื่อช่วยเสริมสร้างการเติบโตแก่ กฟผ.

ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯมีการลงทุนใน 3 บริษัท มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 68,356.745 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้าราชบุรี ขนาดกำลังผลิต 3,645 เมกะวัตต์ บริษัท ราชบุรีพลังงาน จำกัด ดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก และบริษัท บ้านปูแก๊สเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 37.5 ในบริษัท ไตรเอนเนอจี้ จำกัด ผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ ขนาดกำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาลงทุนในโครงการใหม่อีกประมาณ 1 โครงการ กำกลังผลิตประมาณ 1,400 เมกะวัตต์

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ มีหนังสือแจ้งให้บริษัทฯ ทราบเกี่ยวกับการเจรจาซื้อขายหุ้นของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งขอให้บริษัทฯ ดำเนินการร้องขอตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้มีคำสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เป็นการชั่วคราว ซึ่งหลักทรัพย์ของบริษัทได้ถูกพักการซื้อขายเมือวันที่ 5 มกราคม 2547 และเปิดทำการซื้อขายอีกครั้งในวันที่ 6 มกราคม 2547

อย่างไรก็ตาม การลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งทำร่วมกันระหว่าง กฟผ. และบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นการเจรจากันระหว่างทั้งสองฝ่ายเพียงลำพัง บริษัทฯ มิได้มีส่วนรับรู้ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาดังกล่าวมาก่อนล่วงหน้า และยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาการซื้อขายหุ้นของทั้งสองฝ่าย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อความสำเร็จของการเจรจาดังกล่าวแต่อย่างใด

บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯได้ยึดมั่นบนหลักของจริยธรรม ความโปร่งใส และความซื่อสัตย์เป็นสำคัญ และพร้อมที่จะรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น พนักงาน นักลงทุน และผู้ส่วนเสียอื่นๆ อย่างดีที่สุด