นอกจากปัญหาเศรษฐกิจ ตอนนี้ ‘ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น’ สวนทางกับรายได้ ยังเป็นปัญหาที่คนไทยกังวลสูงสุด สะท้อนจากผลสำรวจของ ‘มาร์เก็ตบัซซ’ พบว่า คนไทย 42% มีความกังวลต่อเรื่องนี้มาก แม้ข้อมูลเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการจะชี้ให้เห็นถึงช่วงภาวะเงินฝืดอยู่ที่ – 0.25% เมื่อเทียบปีก่อน ณ เดือนมิถุนายน 2568
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงกลับเห็นภาพของความแตกต่างที่ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่มีความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นค่าที่อยู่อาศัย อาหาร การเดินทาง และสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้นถึง 15.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อรายจ่ายของครัวเรือนทั่วประเทศ
จากการศึกษาดังกล่าว ยังพบว่า ความกังวลทางการเงินดังกล่าวจะแตกต่างกับไป
- แรงกดดันตามช่วงชีวิต: คู่แต่งงานที่มีบุตร จะมีความกังวลสูงสุด อยู่ที่ 46% เมื่อเทียบกับกลุ่มคนโสด ซึ่งความกังวลอยู่ที่ 39%
- ความตึงเครียดตามช่วงอายุ: คนไทยสูงวัย อายุ 55 ปีขึ้นไป จะมีความกดดันทางการเงินมากที่สุดถึง 59% ซึ่งมักเกิดจากการที่ต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวขยาย
- ความแตกต่างในแต่ละภูมิภาค: พื้นที่ในเมือง เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มักมีความกังวลที่ค่าครองชีพสูงถึง 54% ซึ่งสูงกว่าผู้ที่อาศัยในต่างจังหวัดที่กังวลอยู่ที่ 37% เนื่องด้วยปัจจัยในการดำเนินชีวิต และค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
รายได้ไม่พอกับรายจ่าย
แม้ค่าแรงขั้นต่ำของคนไทยจะปรับขึ้นมาที่ 337 – 400 บาทต่อวัน แต่ครัวเรือนไทยจำนวนมากต้องเผชิญกับช่องว่างที่มีมากขึ้นระหว่างรายได้และค่าครองชีพขั้นพื้นฐานที่สูงขึ้น โดยข้อมูลการใช้จ่ายมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ปี 2567 ระบุว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อเดือนอยู่ที่ 18,207 บาท (ณ เดือนธันวาคม 2567) แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
กว่า 8,000 บาท หรือ 42% ใช้ไปกับอาหารและเครื่องดื่ม
10,000 บาท หรือ 58% เป็นใช้จ่ายที่ไม่ใช่อาหาร
ที่น่ากังวลคือ หนี้ครัวเรือนเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 606,378 บาท ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจสะท้อนว่า คนไทยต้องแบกทั้งภาระหนี้ที่มีอยู่ แบกค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ท่ามกลางรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่ทัน นี่อาจเป็นหนึ่งในชนวนที่ผลักให้ผู้ที่ใกล้เข้าสู่วัยเกษียณหลายคนรู้สึกกดดันทางการเงินมากขึ้นหากยังไม่ปรับตัว
ทางมาร์เก็ตบัซซย้ำว่า ผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เรื่องอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเท่านั้น แต่เป็นเรื่องราคาที่สูงขึ้นของสินค้าและบริการที่จำเป็น เช่น ที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค การรักษาพยาบาล และการขนส่ง ฯลฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มประชากรที่แตกต่างกันอย่างไม่สมดุล
