ดูเหมือนคนไทยหลายคนจะยัง ฮีลใจ ด้วยการ ท่องเที่ยวต่างประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่สู้ดีนัก แต่ก็ปรับตัวโดยการเน้นปลายทางที่ คุ้มค่า มากขึ้น โดยทาง การบินไทย กับ YouTrip ได้มาร่วมกับเผยอินไซต์ของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีแรกว่ามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
ครึ่งปีแรกคนไทยเที่ยวนอกเพิ่มขึ้น +45%
จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย เผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกคนไทยเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น +45% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดย 1 ใน 4 ไปมากกว่า 1 ครั้ง และปลายทางที่คนไทยไปมากที่สุดคือประเทศในทวีปเอเชียแปซิฟิก คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ตามด้วย ยุโรป (17.5%), อเมริกาเหนือ (4%) และตะวันออกกลาง (2.5%)
ขณะที่ประเทศปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ยังคงเป็น ญี่ปุ่น แต่เทรนด์ที่เห็นคือ คนไทยเที่ยวเมืองรองมากขึ้น เช่น ฟุกุโอกะ, โอกินาว่า เพราะ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเมืองใหญ่ อีกประเทศที่มาแรงก็คือ จีน (+180%) โดยเมืองที่มีการไปท่องเที่ยวมากที่สุด ได้แก่ เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, กวางโจว, เฉิงตู ส่วนหนึ่งที่ประเทศจีนได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกก็คือ ฟรีวีซ่า ทำให้เดินทางสะดวก และ ถูก
“ซึ่งส่วนหนึ่งที่คนไทยนิยมท่องเที่ยวในเอเชียมากกว่า เพราะเดินทางไม่นาน และค่าใช้จ่ายถูกกว่า สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยังอยากเที่ยว แต่เขาเที่ยวแบบชาญฉลาดมากขึ้น คือ หั่นเที่ยว ไม่หั่นทริป เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ถ้าให้ประสบการณ์คล้าย ๆ กันแต่ถูกกว่า เขาก็อยากจะไปลอง”
จีนและประเทศเพื่อนบ้านกำลังมาแรง
สอดคล้องกับข้อมูลจาก การบินไทย ที่พบว่า ในช่วงครึ่งปีแรก โตเกียว ยังคงครองแชมป์ปลายทางอันดับ 1 แต่ สิงคโปร์ และเซี่ยงไฮ้ ขยับขึ้นมาเป็นที่ 2 และ 3 แทนที่ฮ่องกง และโอซาก้า ส่วนโซล เกาหลีใต้ หล่นจากที่ 5 ไปเป็นที่ 6
ที่น่าสนใจคือ เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยเพิ่มขึ้นกว่า +100% ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับไทย โดยเฉพาะในด้านพระพุทธศาสนา รวมถึงยังมีความร่มรื่น อาหารอร่อย และใช้เวลาบินเพียง 2-3 ชั่วโมง ด้าน เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนก็มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า +80% เช่นกัน โดยในปี 2568
“เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยตอนนี้คือ ไปแบบปุบปับ ดังนั้น ประเทศในแถบเอเชียจึงเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะจีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยเฉพาะจีนที่ค่าใช้จ่ายถูก มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมความทันสมัย” กิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าว

ช้อปปิ้ง ยังเป็นพฤติกรรมจับจ่ายอันดับ 1
การ ซื้อของหรูและของสะสม เป็นพฤติกรรมอันดับ 1 ของคนไทย เช่น ของแบรนด์เนม และ pop mart ตามด้วยการใช้เงินไปกับ ประสบการณ์ เพื่อแบ่งปันเรื่องราวหรือประสบการณ์ในการท่องเที่ยว ลงบนโซเชียล สุดท้าย อาหารการกิน โดยคนไทย ไม่ได้กินพิเศษทุกมื้อ แต่สามารถทานอาหารข้างทาง ฟาสต์ฟู้ด หรือร้านสะดวกซื้อได้ เพื่อใช้เงินกับการช้อปปิ้งและประสบการณ์
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้รู้สึกคุ้มค่าที่สุด โดยเริ่มมีการ ใช้ AI เป็นตัวช่วยในการวางแผนทริป และพบว่า การ แลกเปลี่ยนเงินล่วงหน้า เพิ่มขึ้น +25% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพื่อให้ได้เรทที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังใช้สมาร์ทโฟนช่วยจัดการทุกเรื่องเกี่ยวกับทริป เช่น Cashless
“คนไทยท่องเที่ยวเพื่อให้รางวัลตัวเอง แต่บัดเจ็ตก็มีส่วนคนไทยใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดมากขึ้น วางแผนมากขึ้น ไม่ได้เอาถูกสุด แต่ต้องคุ้มค่า และสะดวก”

อีกเทรนด์ที่เห็นคือ นักท่องเที่ยวไทยเน้น ท่องเที่ยวตามรสนิยมมากขึ้น ไม่ได้ท่องเที่ยวตามแลนด์มาร์กดัง ๆ อีกต่อไป เช่น ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ทำให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
“ตอนนี้ เมอร์ไลออน (Merlion) ของสิงคโปร์อาจไม่ใช่แลนด์มาร์กสำคัญที่ต้องไปอีกต่อไป แต่คนเริ่มไปเที่ยวตามสิ่งที่อยากไป ไม่จำเป็นต้องไปสถานที่แมส ๆ เพราะคนไทยใช้โซเชียลเป็นหน้าต่างในการแสดง สเตตัส การเลือกเที่ยวจึงสำคัญกับคนไทยมาก”





