จินตนาการภาพเด็กนักเรียนในจังหวัดเล็ก ๆ ที่วันหนึ่งได้มีโอกาสนั่งลงหน้าแล็ปท็อป ลองพิมพ์โค้ดแรกในชีวิต แม้มันจะเป็นเพียงคำสั่งสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ตาเป็นประกายขึ้นมา เพราะเขาเพิ่งค้นพบว่าสิ่งที่คิดอยู่ในหัวสามารถกลายเป็นความจริงได้เพียงแค่ใช้ภาษาใหม่ที่เรียกว่า “โค้ดดิ้ง” สำหรับเด็กหลาย ๆ คน นี่คือประสบการณ์ที่เปลี่ยนมุมมองทั้งหมดต่อการเรียนรู้และอนาคตไปอย่างสิ้นเชิง และนี่คือสิ่งที่โครงการ Coding Thailand 2025: AI–Driven Future ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa มุ่งหวังจะสร้างให้เกิดขึ้นกับเยาวชนไทยทั่วประเทศ
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า depa ดำเนินโครงการ Coding Thailand หรือ โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านโค้ดดิ้งมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 แล้ว และไม่ได้เป็นแค่กิจกรรมสอนทักษะดิจิทัล แต่คือการสร้างแรงสั่นสะเทือนทางสังคมในหลายมิติ ตั้งแต่ระดับปัจเจก ครอบครัว โรงเรียน จนถึงชุมชนและประเทศชาติ ทักษะ Coding และ AI ไม่ได้เป็นเพียงทักษะเสริม แต่กำลังกลายเป็น “ภาษาที่สอง” ของโลกยุคใหม่ ใครที่พูดภาษาเทคโนโลยีนี้ได้ย่อมมีโอกาสมากกว่าในการแข่งขันและการสร้างสรรค์ ซึ่งก็หมายถึงการปิดช่องว่างที่เคยมีในสังคม และขยายประตูแห่งโอกาสให้กว้างขึ้นสำหรับทุกคน
สำหรับกิจกรรม Coding & AI Acceleration ในโครงการ Coding Thailand 2025: AI-Driven Future กระจายไปยัง 8 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่กรุงเทพมหานคร อุบลราชธานี ขอนแก่น พิษณุโลก เชียงใหม่ ชลบุรี สงขลา และภูเก็ต มีผู้เข้าร่วมมากถึง 800 ทีม รวมกว่า 3,200 คน ทั้งหมดได้รับความรู้ด้านดิจิทัล ตั้งแต่การเขียนโค้ดเบื้องต้นสำหรับเด็กประถม ไปจนถึงการใช้งาน IoT, AIoT, Edge AI และ Robotics สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับไม่ใช่เพียงทักษะเทคนิค หากยังรวมไปถึงการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม และความสามารถในการปรับตัว—ทักษะเหล่านี้คือคุณสมบัติสำคัญที่ตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21 ต้องการอย่างมาก
ส่วนครูที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ควบคู่กับนักเรียนยังสะท้อนในทางเดียวกันว่า โครงการนี้ทำให้พวกเขามองเห็นศักยภาพใหม่ ๆ ของเด็ก ๆ ที่อาจไม่เคยถูกค้นพบในห้องเรียนแบบดั้งเดิม เด็กบางคนที่ไม่โดดเด่นในวิชาการทั่วไปกลับแสดงความสามารถด้านการแก้ปัญหาเชิงตรรกะอย่างน่าทึ่ง หรือบางคนที่ขี้อายกลับกลายเป็นผู้นำทีมเวลาต้องร่วมกันสร้างโปรเจกต์ดิจิทัล นี่คืออีกด้านหนึ่งของคุณค่าที่ Coding Thailand กำลังสร้าง นั่นคือการทำให้การศึกษาไม่ใช่เรื่องของคะแนนสอบ แต่เป็นเรื่องของการค้นพบศักยภาพเฉพาะตัวของแต่ละคน
สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือความตั้งใจของโครงการที่จะลดช่องว่างทางการศึกษา เด็กจากโรงเรียนใหญ่ในเมืองหลวงและเด็กจากโรงเรียนขนาดเล็กในต่างจังหวัดต่างก็ได้เรียนรู้บนเวทีเดียวกัน ได้เข้าถึงทรัพยากรและความรู้ที่เคยอยู่ห่างไกล นี่คือการสร้างความเท่าเทียมเชิงโอกาสที่จับต้องได้จริง ตัวเลข 3,200 คนจึงไม่ใช่เพียงสถิติ แต่คือ 3,200 ชีวิตที่ได้รับการเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องของคนบางกลุ่ม แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้เพื่อพัฒนาตัวเองและสังคมได้
ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ได้หยุดอยู่แค่การเรียนรู้ แต่เริ่มขยายไปสู่เส้นทางอาชีพ เด็กหลายคนเริ่มมองเห็นอนาคตที่แตกต่างออกไป เด็ก ๆ ตระหนักว่าทักษะที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพจริง ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาโปรแกรม วิศวกรหุ่นยนต์ นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้กระทั่งการสร้างธุรกิจนวัตกรรมของตนเอง และนั่นทำให้พวกเขามีแรงบันดาลใจที่จะเรียนรู้ต่อไปด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อการแข่งขันในวันนี้ แต่เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของตัวเองและครอบครัว
นอกจากนี้ สิ่งที่สะท้อนถึงพลังของโครงการอย่างแท้จริงคือผลงานที่นักเรียนเลือกพัฒนาขึ้น หลายทีมไม่ได้มุ่งสร้างนวัตกรรมเพื่อความบันเทิงหรือเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เลือกแก้ปัญหาที่อยู่รอบตัวในสังคม เช่น ระบบช่วยเหลือผู้สูงอายุ แอปพลิเคชันสำหรับผู้พิการ หรือโซลูชันเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันของผู้คนในชุมชนสะดวกขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าเด็ก ๆ ไม่ได้เรียนรู้เพื่อแข่งขัน แต่เรียนรู้เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่น และนี่คือจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่สังคมอัจฉริยะอย่างแท้จริง
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรภาคประชาสังคม depa ไม่ได้เดินคนเดียว แต่มีพันธมิตรที่คอยสนับสนุนและขับเคลื่อนไปด้วยกัน ความร่วมมือเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้โครงการไม่เพียงเป็นกิจกรรมชั่วครั้งชั่วคราว แต่กลายเป็นระบบนิเวศการเรียนรู้ที่ยั่งยืนและต่อยอดได้จริง
เมื่อมองในภาพใหญ่ โครงการ Coding Thailand 2025: AI–Driven Future กำลังสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในยุค Thailand 4.0 ที่ต้องการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและบุคลากรคุณภาพสูงด้านดิจิทัล เด็ก 3,200 คนในปีนี้อาจเป็นเพียงตัวเลขเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ แต่หากมองเป็นเมล็ดพันธุ์ พวกเขากำลังจะเติบโตเป็นแรงงานที่มีทักษะสูง นักนวัตกรรม และผู้ประกอบการ ที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวสู่อนาคต
คำถามที่น่าคิดคือ เมื่อวันนี้เราเห็นแล้วว่าเพียงการเปิดโอกาสและให้เครื่องมือที่ถูกต้อง เยาวชนไทยสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้มากมาย แล้วถ้าเราเดินหน้าต่อเนื่องและขยายโอกาสนี้ให้กว้างขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า? เราอาจกำลังพูดถึงประเทศที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ใช้เทคโนโลยี แต่เป็นผู้สร้างนวัตกรรมที่ส่งออกความคิดและโซลูชันสู่ระดับโลก
ในท้ายที่สุด Coding Thailand 2025: AI–Driven Future คือเครื่องยืนยันว่า การลงทุนกับทักษะดิจิทัลของเยาวชนคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่แค่เพื่อเด็ก ๆ แต่เพื่อสังคมไทยทั้งหมด เพราะทุกบรรทัดโค้ดที่เด็กเขียน ทุกโปรเจกต์ที่ทีมเล็ก ๆ สร้างขึ้น และทุกความรู้ที่ครูได้รับกลับไปสู่โรงเรียน คือชิ้นส่วนของภาพใหญ่ที่กำลังประกอบขึ้นเป็นอนาคตของประเทศไทย และนี่ไม่ใช่อนาคตของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นอนาคตของพวกเราทุกคน
