คชา บราเธอร์ส ผุดแบรนด์ใหม่สายเลือดไทย “KAO NOM” (ข้าวนม) ขนมไทย…วัตถุดิบไทย…เชฟไทย พร้อมส่งแบรนด์Kyo Roll En และสินค้าขนมไหว้พระจันทร์ ในเครือ สู่ตลาดโลกปีนี้!!

คชา บราเธอร์สผู้นำธุรกิจของหวานในไทยกว่า 17 ปี ด้วย 5 แบรนด์หลัก กว่า 40 สาขา อาทิ Kyo Roll En, Jérôme Cheesecake, Oyatsu no Jikanและ Teraoka Gyoza ต่อยอดจุดแข็งด้วยการหันมาปั้นแบรนด์เองครั้งแรกในรอบ 10 ปี สายเลือดไทยเต็มตัว “KAO NOM” (ข้าวนม) คาเฟ่ขนมไทยร่วมสมัยเชื่อมโยงเอกลักษณ์อาหารไทยด้วยวัตถุดิบพื้นถิ่น สู่ประสบการณ์ของหวานรูปแบบใหม่ เปิดตัวสาขาแรกที่ Dusit Central Park ชั้น 5 เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมาพร้อมส่งแบรนด์ในเครือและสินค้าขนมไหว้พระจันทร์ขยายสู่ตลาดต่างประเทศภายใน    ปีนี้
นายฤทธิ์ คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการบริษัท คชา บราเธอร์ส จำกัด กล่าวว่า “กว่า 10 ปีแล้วที่เราสร้างแบรนด์ Kyo Roll En ขึ้นมา โดยเราเป็นร้านต้นตำรับไอศกรีม ชาเขียว ‘อูจิ’ มัทฉะแท้ 100% จากเกียวโต เจ้าแรกในเมืองไทย ทุกวันนี้มีกว่า 40 สาขาทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ภายหลังโควิด-19 เรามุ่งมั่นที่จะเร่งการขยายธุรกิจด้วยการนำเข้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศ ไม่ว่าเป็น Teraoka Gyoza เกี๊ยวซ่าแชมป์เปี้ยน 7 สมัย Jerome Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้อันดับหนึ่งชื่อดังจาก Ginza Tokyo โดยเชฟ 3 ดาวมิชลิน และปีที่แล้ว Oyatsu no Jikan ร้าน Kakigori Specialty โดยเชฟ 2 ดาวมิชลินจากญี่ปุ่น ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นที่จะสรรหาแบรนด์ที่มีศักยภาพ สินค้ามีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์ มาเสริมพอร์ตของบริษัท โดยมีแผนนำเข้าอีก 2 แบรนด์จากต่างประเทศในอีก 1 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ คชา บราเธอร์ส ถ้าถามว่าเราเป็นใคร ต้องบอกว่า เราเป็นนักปั้นแบรนด์ จุดแข็งของเราคือการคิดสินค้าที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร มีความ Original และ Specialty เราเป็นมืออาชีพที่ทำแบรนด์ขนมมากว่า 17 ปี มีกว่า 40 สาขา และเราได้เรียนรู้จากแบรนด์ที่เรานำเข้ามาด้วย จึงมีแนวคิดที่จะสร้างแบรนด์ของตนเองอีกครั้ง ผมมองว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะทำอะไรให้กับประเทศไทย เชิดชูสิ่งดีๆที่เป็นของไทย อาหารไทยเป็นพระเอกที่ดังที่สุดของเมืองไทย รัฐบาลเองก็มีนโยบายผลักดันอาหารไทย เป็นซอฟท์เพาเวอร์ที่สามารถโปรโมทไปยังชาวโลก ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยว แต่คนไทยเองก็หันมานิยมอาหารไทยของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงอยากทำสิ่งที่เราถนัด คือ การคิดขนม Dessert ที่ทันสมัย ไม่เหมือนใคร จึงเป็นที่มาของ “KAO NOM” (ข้าวนม) แบรนด์ขนมไทยร่วมสมัย ที่นำเสน่ห์แห่งของหวานไทยมาตีความใหม่อย่างประณีต ภายใต้แนวคิด “Rediscovering Thai Desserts” ขนมไทย…วัตถุดิบไทย…โดยเชฟไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เราภูมิใจที่สุดโดยตีความจากคำว่าขนม ที่มีต้นกำเนิดจากคำว่า ‘ข้าว’  และ ‘นม’ จึงหยิบสัญลักษณ์ของไทย คือ ข้าวมาเป็นพระเอกของแบรนด์”
“ทุกวันนี้ร้านอาหารไทยก็มีชื่อเสียงในระดับโลกมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารไทยที่ได้ดาวมิชลิน หรือในการจัดอันดับร้านอาหารในเอเชีย แต่ขนมไทยยังไม่มีใครพูดถึงเราโชคดีที่มีเชฟขนมไทยซึ่งตอนนี้มีชื่อเสียงระดับโลก คือ น้องชายของผม เชฟเดช คิ้วคชา ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสูตรเมนูขนมให้กับในเครือของเรามากว่า 17 ปี โดยเชฟเดชได้เรียนรู้และค้นหาขนมไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขึ้นเหนือล่องใต้ในการหาวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อและมีเสน่ห์ของแต่ละภาคมาตีความใหม่ในมุมของขนมไทย เราหวังว่า “KAO NOM” จะเป็นแบรนด์ขนมไทยแบรนด์แรกที่มีชื่อเสียงระดับโลก    ในอนาคตอันใกล้นี้”
เบื้องหลังความประณีตของเมนูทุกจานคือฝีมือของ เชฟเดช คิ้วคชาเจ้าของร้าน “KAO NOM” และเชฟขนมหวานยอดเยี่ยมแห่งเอเชียคนไทยคนแรก “Asia’s Best Pastry Chef 2025” จาก The World’s 50 Best Restaurants โดยเชฟเดชตั้งใจถ่ายทอดรสสัมผัสของ ข้าวไทยหลากสายพันธุ์ และ วัตถุดิบพื้นถิ่น จากเกษตรกรทั่วประเทศ ผ่านกว่า 20 เมนูของหวานและเครื่องดื่ม

“ผมตั้งใจถ่ายทอดเอกลักษณ์ของขนมไทยจริงๆโปรเจคนี้ต้องบอกว่าผมเริ่มมากว่า 5 ปีตั้งแต่โควิด- 19 ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของขนมไทย ซึ่งต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนมาถึงยุครัตนโกสินทร์ จวบจนปัจจุบัน ขนมไทยยังได้รับความนิยมมาทุกวันนี้ โดยมีคนบอกว่า ขนมก็มาจาก “ข้าว” และ “นม” จึงเป็นสิ่งที่ผมริเริ่มคิดว่า การนำข้าวมาทำขนมก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกไป โดยคัดเลือกข้าวสายพันธุ์พิเศษที่ขึ้นชื่อของทุกจังหวัดกว่า 20 สายพันธุ์ สุดท้ายเลือกมา 6 สายพันธุ์ อาทิ ข้าวหอมมะลิทั้งขาวและแดง ข้าวสังข์หยด จากทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง นำมาทำไอศกรีมและชานมรส Signature ข้าวบือกี และข้าวบือซากอ พันธุ์พื้นถิ่นของชาวปกาเกอะญอ จากจังหวัดเชียงใหม่ นำมาทำ    ข้าวเกรียบสดๆ ผมเลือกใช้แต่วัตถุดิบท้องถิ่นที่โดดเด่น เช่น ช็อกโกแลตไทยจากเชียงใหม่ ปลูกจากต้นกล้า…สู่ช็อกโกแลตมาแล้วกว่า 30 ปีและกาแฟไร่ดอยมณีพฤกษ์จากน่าน ปลูกโดยชาวม้งที่พลิกฟื้นไร่เลื่อยลอยให้กลายเป็นไร่กาแฟสุดยอดของไทย หรือมัทฉะไทย ที่ทำมาจากต้นข้าวอ่อน ชาเปลือกกาแฟจากจังหวัดเลย รวมถึงสมุนไพร และผลไม้หายาก มาผสานในกว่า 20 เมนู เพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทย ที่สำคัญผมให้ความสำคัญกับความยั่งยืน Sustainability ด้วยแนวคิด Zero Waste โดยใช้วัสดุธรรมชาติเช่น เปลือกโกโก้ เปลือกมะกรูด และเปลือกไข่ที่ปกติจะถูกทิ้งมาดัดแปลงเป็นภาชนะ จาน ชาม ช้อน จากกะลามะพร้าว เปลือกข้าว และข้าวโพด รวมไปถึงยูนิฟอร์มเครื่องแต่งกายของพนักงานที่ผลิตโดย Upcycling จากเปลือกข้าวเพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด และเพิ่มมูลค่าให้สินค้าไทยด้วยภูมิปัญญาของคนไทย”เชฟเดชกล่าว
ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา คชา บราเธอร์สเติบโตจากผู้บุกเบิกของหวานสไตล์ญี่ปุ่นสู่ผู้พัฒนาแบรนด์คุณภาพระดับสากล ทั้งแบรนด์ที่สร้างเองและนำเข้าจากต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์ที่ผสานความเชี่ยวชาญด้านวัตถุดิบและการเล่าเรื่อง ผ่านประสบการณ์ร้านของหวานที่หลากหลาย โดยปีนี้เตรียมต่อยอดขยายตลาดต่างประเทศ สู่การเป็นโกลบอลแบรนด์ต่อไป
นายฤทธิ์ คิ้วคชา กล่าวว่าปี 2568 ถือเป็นปีที่สำคัญที่สุดของบริษัท เพราะมีโปรโจคใหญ่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นขนมไหว้พระจันทร์ซึ่งถือเป็น 1 ในสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดแบรนด์หนึ่งเราขึ้นชื่อในการนำเสนอขนม
ไหว้พระจันทร์แบบ Hi-End เทียบชั้นโรงแรม5 ดาว ลูกค้าของเราติดใจเรื่องรสชาติ และแพ็คเกจ เราโชคดีที่มีลูกค้าจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ประกันชีวิต สายการบิน โทรคมนาคม ที่ให้ความไว้วางใจเราในการนำเสนอของขวัญให้กับลูกค้า นอกจากนี้ปีนี้เราขยายตลาดสู่การรับผลิต OEM จากการที่เราได้ขยายและพัฒนาโรงงานให้เป็นระดับมาตรฐานสากล สามารถรองรับลูกค้าระดับโรงแรม 5-6 ดาว รวมถึงแบรนด์แฟชั่นLuxury ระดับโลกก็ไว้ใจสินค้าเรา
ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของรสชาติ คุณภาพ ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด คาดว่าในปีหน้าจะขยายไลน์ผลิตอีกเท่าตัวเพื่อรองรับตลาดในส่วนนี้ ตลาด OEM อาจจะกำไรน้อยกว่าค้าปลีกที่เราจำหน่ายเอง แต่เรามองว่าเป็นโอกาสที่เติบโตที่สูงและมั่นคง เพราะส่วนใหญ่โรงแรม หรือแบรนด์Luxury เขามีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แต่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือบุคลากรในการผลิตขนมในจำนวนมากๆที่สามารถใช้เป็นของขวัญหรือของฝากได้ ประเทศไทยมีโรงแรมน่าจะมากที่สุดในโลก มองว่าเรามีโอกาสในตลาดนี้สูง
นอกจากนี้เรายังได้รับโอกาสเป็นขนมไหว้พระจันทร์แบรนด์แรกของไทยที่ไปเปิดตลาดในประเทศสิงคโปร์ในปีนี้
ก็คงทราบกันดีว่าสิงคโปร์มีมาตรฐานสินค้าที่สูง ในเมื่อสินค้าเราเข้าตลาดสิงคโปร์ได้ เชื่อว่าไปได้ทุกประเทศในโลกโดยเรามีแผนที่จะขยายไปประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศในปีหน้า
นายฤทธิ์คิ้วคชา กล่าวว่า “ไม่เพียงแต่ขนมไหว้พระจันทร์ แต่ในเดือนตุลาคมนี้ จะเป็นก้าวสำคัญของบริษัท โดยเราได้เซ็นสัญญานำ3 แบรนด์ คือ Kyo Roll En, Kyo – Café & Meal และ Teraoka Gyoza ไปเปิดที่ประเทศลาว สาขาแรกเป็นพื้นที่ Stand Alone ติดถนนใหญ่ ย่านโพนสีนวนตั้งอยู่ใจกลางนครเวียงจันทร์ โดยเราได้พาร์ทเนอร์ที่ให้ความไว้วางใจเรา และให้ลิขสิทธิ์ Master Franchise ให้กับบริษัท Kolao (Kolao Group) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลาว โดยตั้งเป้าเปิด 15 สาขาภายใน 3 ปีส่วนภายในประเทศเราก็ได้นำร่องการขยายธุรกิจในรูปแบบ Franchise ครั้งแรก สาขาแรก ที่ King Square พระราม 3 เปิดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา      ซึ่งทั้งหมดนี้คืออนาคตข้างหน้าของ คชา บราเธอร์ส ในมิติใหม่ จากเดิมเป็นเพียง ‘ร้านขนม’ สู่ ‘Global F&B Company’ โดยเน้นที่ Dessert & Snack สินค้า ‘ของว่าง’ที่เราเชี่ยวชาญสำหรับแบรนด์หลัก Kyo RollEn ยังคงมีแผนขยายสาขาทั่วประเทศ 3-4 สาขา ในแต่ละปี สิ้นปีนี้มีแผนขยายสาขาที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า พื้นที่ใหม่ และสยามพารากอนรวมถึงเปิดโอกาสในการขยายให้เร็วขึ้นด้วยรูปแบบ Franchise ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เราได้เตรียมความพร้อมการขยายธุรกิจในรูปแบบ Franchise มาหลายปี เพราะผมเป็นคนให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและการบริการเป็นอย่างยิ่ง ผมว่าวันนี้เราพร้อมแล้ว เรามีทีมงานและระบบมืออาชีพที่จะขยายธุรกิจในModel ต่างๆ สู่ทศวรรษที่ 3 ของบริษัท”
“ปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย หลายคนบอกเป็นปีที่เผาจริงของธุรกิจอาหาร เราก็รู้สึกเช่นนั้น แต่อาจโชคดีด้วยกระแสตลาดชาเขียวมัทฉะ เติบโตเป็นอย่างมากใน 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเราเป็นผู้นำในตลาดนี้ จึงทำให้รายได้ของบริษัทยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องหลัง Covid-19 แต่เราได้เห็นสัญญาณกำลังซื้อที่ตกไปมาก ทั้งกำลังซื้อของคนไทยเองและที่สำคัญตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลงไปเยอะ ในสาขาใจกลางเมือง ผมมองว่าปีนี้ หลายสาขาถ้าสามารถเติบโตได้เล็กน้อย หรือแม้กระทั่งเท่าตัวจากปีก่อน ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว”นายฤทธิ์กล่าวทิ้งท้าย