รู้จัก ‘แรร์เอิร์ธ’ กลุ่มธาตุหายากที่อาจไม่ได้ ‘แรร์’ เหมือนชื่อ แต่ที่ทวีความสำคัญเพราะถูกผูกขาดโดย ‘จีน’

ช่วงนี้หลายคนน่าจะให้ความสนใจกับ แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements) ว่าคืออะไร หลังจากที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกา ร่วมลงนามใน “บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญของโลก” หรือที่รู้จักกันในชื่อ MOU แร่แรร์เอิร์ธ จนนักวิชาการต้องออกมาเตือนว่า ไทยยังไม่ควรให้สัมปทานประเทศอื่น โดยเฉพาะจาก รัฐบาลชั่วคราว

แรร์เอิร์ธ คืออะไร

แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements) คือ กลุ่มธาตุหายาก ประกอบด้วย

  • แลนทานอยด์ (Lanthanides) 15 ชนิด ได้แก่ แลนทานัม (La), ซีเรียม (Ce), เพรซิโอดิเมียม (Pr), นีโอดิเมียม (Nd), โพรมีเทียม (Pm), ซามาเรียม (Sm), ยูโรเพียม (Eu), แกโดลิเนียม (Gd), เทอร์เบียม (Tb), ดิสโพรเซียม (Dy), โฮลเมียม (Ho), เออร์เบียม (Er), ทูเลียม (Tm), อิตเทอร์เบียม (Yb), และลูทีเชียม (Lu)
  • สแกนเดียม (Sc) และ อิตเทรียม (Y) อีก 2 ชนิด

แม้จะเรียกว่า หายาก แต่จริง ๆ แล้วธาตุเหล่านี้มีอยู่ในเปลือกโลกไม่น้อย แต่ที่มันหายาก เพราะมักพบ กระจายตัว ในแร่ที่มีความเข้มข้นต่ำ ทำให้การ สกัดแยกทำได้ยาก ต้องมีกระบวนการขุดและกลั่นที่ซับซ้อน ส่งผลให้มีต้นทุนสูง อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องมลพิษอีกด้วย

ความสำคัญและการใช้งาน

ในวันที่โลกมีนวัตกรรม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น แรร์เอิร์ธก็ยิ่งทวีความสำคัญ เพราะถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูงและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ในปัจจุบันและอนาคต อาทิ

  • สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ – สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, จอแสดงผล
  • แม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูง – มอเตอร์ไฟฟ้า, กังหันลม, ฮาร์ดดิสก์
  • แบตเตอรี่ – รถยนต์ไฟฟ้า, พลังงานสะอาด
  • อุปกรณ์ทางการแพทย์ – เครื่อง MRI, เลเซอร์
  • อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ – ระบบนำทาง, เรดาร์มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ทนความร้อนสูง นำไฟฟ้าได้ดี และมีคุณสมบัติทางแม่เหล็ก
Photo : Shutterstock

จีนผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด

ข้อมูลของ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) เปิดเผยว่า จีนครอบครองแร่ธาตุหายากที่สําคัญประมาณ 60% ของการผลิตแร่ธาตุและวัสดุหายากของโลก หากนับเฉพาะธาตุแรร์เอิร์ธ จีนมีปริมาณสำรองแรร์เอิร์ธถึง 44 ล้านตัน คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณสำรองทั้งหมดทั่วโลก ทิ้งห่างเบอร์ 2 อย่าง บราซิล ที่มีสำรองแรร์เอิร์ธปริมาณ 21 ล้านตัน ซึ่งก็ยัง น้อยกว่าจีนเท่าตัว และถ้าเจาะไปในส่วนของแรร์เอิร์ธที่แปรรูปแล้ว จีนครองส่วนแบ่งถึง 90% เลยทีเดียว

ด้วยความที่จีนถือครองแรร์เอิร์ธเกินครึ่งของโลกใบนี้ ทำให้ทุกครั้งที่จีนออกมาประกาศ จำกัดส่งออกแร่หายาก ทำให้ทั่วโลกตกอยู่ในความไม่แน่นอน ในขณะที่นักวิชาการได้มีการประเมินว่าความต้องการธาตุหายากและแร่ธาตุที่สําคัญ จะเติบโตแบบทวีคูณ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานสะอาดดําเนินไปอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสที่แร่หายากจะ มีมูลค่ามากกว่าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

ดังนั้น หลายประเทศจึงพยายาม ลดการพึ่งพาจีน โดยเฉพาะ สหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันสหรัฐฯ มีปริมาณสำรองแร่ธาตุหายากเพียง 1.9 ล้านตัน คิดเป็นอันดับ 7 ของโลก และการมา เป็นพันธมิตรกับไทย ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ไทยก็มีแรร์เอิร์ธ?

สำหรับประเทศไทย กรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า แหล่งแร่พบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของประเทศไทย ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคใต้ ในหลายจังหวัด เช่น เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ อุทัยธานี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และสุราษฎร์ธานี และจากรายงานของข้อมูลบัญชีทรัพยากรแร่ของไทย ปี พ.ศ. 2566 พบว่า ไทยมีการตรวจพบทรัพยากรแร่มากกว่า 40 ชนิด และมีแหล่งแร่โมนาไซต์ที่มีแรร์เอิร์ธปะปนอยู่ในภาคใต้

ข้อมูลจาก USGS ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว ไทยน่าจะมีผลผลิตเกือบ 13,000 เมตริกตัน เพิ่มขึ้น 261% จากปี 2566 และสูงกว่าระดับในปี 2561 ถึง 13 เท่า แม้ข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแร่หายากของไทยจะมีไม่มากนัก แต่มีการคาดการณ์ว่า ไทยมีปริมาณสำรองแรร์เอิร์ธที่ 4,500 ตัน 

แต่ที่ในปี 2560 ไทยเคยติดอันดับผู้ผลิตแรร์เอิร์ธมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก เป็นเพราะไทยเป็นผู้นำเข้าแรร์  เอิร์ธมาแต่งแล้วส่งออก โดยโรงงานที่สำคัญก็คือ Neo Magnequench ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Neo Performance Materials (แคนาดา) ที่ผลิตวัสดุแม่เหล็กแร่หายากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

ไทยยังไม่พร้อมให้สัมปทาน

โดยหลังจากที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมลงนามใน MOU แร่แรร์เอิร์ธ ด้าน รศ. ดร.จารุประภา รักพงษ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ให้ความเห็นว่า ไทยไม่พร้อมเข้าไปในห่วงโซ่อุปทานการผลิตแร่แรร์เอิร์ธ เหตุยังไม่มีกฎหมายรองรับ ขาดมาตรการควบคุม ไม่มีความรู้-เทคโนโลยีที่เหมาะสม ชี้รัฐบาลชั่วคราวไม่เหมาะให้สัมปทานประเทศอื่น ควรรอรัฐบาลหน้าที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนแล้วค่อยผลักดันจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากการผลิตแร่แรร์เอิร์ธ ที่ถือกันว่าเป็นอุตสาหกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้างได้เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมถ่านหิน

นอกจากนี้ เนื่องจาก MOU ไทย-สหรัฐฯ ไม่ได้ผูกพันทางกฎหมาย ดังนั้น หากมีการเจรจารายละเอียดเรื่องนี้กันอีกครั้ง ประเทศไทยควรแสดงท่าทีว่าไม่ได้เปิดรับแค่การลงทุนจากสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ไทยยังเปิดกว้างที่จะให้ความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ด้วย เช่น สหภาพยุโรป (EU) หรือจีน เพื่อหาประเทศที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่แค่เรื่องเงินลงทุน ควรต้องดูมาตรการเรื่องการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หรือการถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีที่ดีกว่าด้วย