เจาะลึกวิสัยทัศน์ “Corey Bryant” แม่ทัพแห่ง bpositive กับภารกิจปั้นแบรนด์เฮลท์แคร์ที่ “ขับเคลื่อนด้วยจุดมุ่งหมาย” ในสมรภูมิธุรกิจไทย

ท่ามกลางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดเฮลท์แคร์ไทย ตามความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ไม่ได้มองแค่การ “รักษา” แต่เปลี่ยนผ่านสู่การ “ป้องกัน” และเชื่อมโยงวิถีชีวิตเข้ากับสุขภาวะที่ยั่งยืน วันนี้เราพาทุกท่านไปพูดคุยกับ คุณคอรี ไบรอันท์ (Corey Bryant) ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ bpositive ผู้เล่นหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง ด้วยวิสัยทัศน์ที่แตกต่าง คือการสร้างธุรกิจที่เริ่มต้นจาก “จุดมุ่งหมาย” (Purpose) ก่อน “ผลิตภัณฑ์” โดยเชื่อมั่นว่า ‘ผลกำไรทางธุรกิจ’ และ ‘การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม’ สามารถเดินเคียงคู่กันได้อย่างสมดุล

buy1help1: โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนการซื้อสินค้าให้เป็นการสร้างพลังบวกที่ทวีคูณ

หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อน bpositive ไม่ใช่เพียงแค่ยอดขาย แต่คือโมเดล “buy1help1” ซึ่งคุณคอรีนิยามว่าเป็น “ระบบนิเวศของพลังบวก” แรงบันดาลใจนี้เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ช่วงเวลาที่พิสูจน์ให้เห็นว่ามนุษย์เห็นคุณค่าของการช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากที่สุด

“แนวคิดของเราเรียบง่ายมาก เมื่อลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ พวกเขาจะได้รับความรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือ และผู้รับก็รู้สึกดีกับตัวเองเช่นกัน เมื่อคนหนึ่งช่วยอีกคน ผลลัพธ์จะถูกทวีคูณ พลังบวกนี้ติดต่อกันได้” คุณคอรีกล่าว

โมเดลนี้ไม่ใช่เพียงแคมเปญการตลาดฉาบฉวย แต่เป็นพันธกิจหลัก (Core Mission) ขององค์กร โดยทุกการซื้อในประเทศไทยจะถูกส่งต่อไปยังพันธมิตรอย่าง มูลนิธิสายเด็ก 1387 (Childline Thailand Foundation) เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ และ มูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาส ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากวงจรความยากจน

เจาะลึกตลาดไทย: เมื่อผู้บริโภคมองหา “การป้องกัน” และ “คุณภาพที่จับต้องได้”

คุณคอรีกล่าวถึงการมาเปิดตลาดในประเทศไทยว่า เขามองเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญในพฤติกรรมผู้บริโภคไทย ที่ก้าวจากการรักษาไปสู่การดูแลเชิงป้องกัน (Preventive Care) และการใส่ใจสุขภาพระยะยาว (Longevity) ไม่ว่าจะเป็นกระแสอาหารเสริมชะลอวัย (NAD+) การป้องกันผิวจากแสงแดด หรือเทรนด์เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวและดูแลแผลสำหรับกลุ่ม Silver Generation เพิ่มสูงขึ้น

เพื่อตอบโจทย์นี้ bpositive จึงวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลแผล (Wound Care) ในเดือนธันวาคม 2025 ได้แก่ แผ่นปิดแผลชนิดดูดซับ, ผ้าก๊อซ, และพลาสเตอร์ปิดแผลหลากหลายชนิด ตามด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขอนามัย เช่น สำลีชุบแอลกอฮอล์ ถุงมือ และหน้ากากอนามัยในปี 2026

ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ bpositive ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก ISO 3485:2016 และถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ” (Simple & Effective) ทั้งยังมีการสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ผ่าน BooBoo Character ตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์ที่สร้างภาพลักษณ์ความทันสมัย สนุกสนาน และเข้าถึงง่าย ซึ่งแตกต่างจากภาพจำเดิม ๆ ของสินค้าเวชภัณฑ์

กลยุทธ์การแข่งขัน: คุณภาพที่มาพร้อมความคุ้มค่า

แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดที่ถูกครอบครองโดยแบรนด์ระดับโลกและธุรกิจ MLM ยักษ์ใหญ่ แต่ bpositive มั่นใจในการสร้างความแตกต่าง ผ่านกลยุทธ์ 3 แกนหลัก: คุณภาพ นวัตกรรม และราคาที่จริงใจ

  1. นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ท้องถิ่น (Localization): พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย เช่น พลาสเตอร์และแผ่นฟิล์มปิดแผลกันน้ำและแบคทีเรียที่ทนต่อความชื้นได้ดีเยี่ยม เป็นการยกระดับสิ่งที่ตลาดมีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น
  2. Price Strategy: วางราคาต่ำกว่าคู่แข่งประมาณ 10% เพื่อให้คนไทยเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น
  3. Digital Health Integration: วางตำแหน่งเป็น “โซลูชันในชีวิตจริง” ที่เชื่อมต่อกับบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ โดยมีแผนพัฒนาระบบจัดส่งสินค้าด่วนภายใน 2 ชั่วโมงหลังได้รับคำแนะนำจากแพทย์

เปิดแผนลงทุนและเป้าหมายรายได้

ในด้านการลงทุน bpositive วางงบประมาณสำหรับการเริ่มต้นบุกตลาดไทยไว้ที่ 10 ล้านบาท แบ่งเป็นการตลาด การประชาสัมพันธ์และดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง 3.75 ล้านบาท การวางระบบ (Set up cost) 2.5 ล้านบาท และการจัดตั้งทีมพัฒนาธุรกิจ 3.75 ล้านบาท โดยเน้นการบริหารแบบ SME ที่คล่องตัวแต่เน้นคอนเซปต์ที่แข็งแรง

คุณคอรีเปิดเผยถึงเป้าหมายทางธุรกิจว่า คาดการณ์รายได้ในปีแรก (2026) ที่ 25 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตเป็น 2 เท่าในปี 2027 ความมั่นใจนี้ส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จในประเทศมาเลเซีย ที่แบรนด์สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 46% ในช่องทางร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อชั้นนำกว่า 1,800 แห่ง

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายในไทย จะเริ่มวางจำหน่ายในห้างค้าปลีกชั้นนำอย่าง Tops, Lotus และ Boots  กว่า 200 แห่ง ภายในปี 2026 และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ Watsons, 7-Eleven และ Lawson 108 รวมถึงมีแผนขยายสู่ร้านขายยารายย่อยทั่วประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายในปี 2027  รวมถึงมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ผู้นำยุคใหม่: นำด้วยความจริงใจและจุดมุ่งหมาย

คุณคอรีทิ้งท้ายถึงหลักคิดในการบริหารงานที่ตกผลึกจากประสบการณ์ในองค์กรระดับโลกอย่าง Johnson & Johnson และ Stryker ว่า ผู้นำยุคใหม่ต้อง “Leading with Purpose” ซึ่งเขามองว่าเป็นสิ่งที่มักหายไปในองค์กรข้ามชาติ และเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้เขาออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ได้กลายเป็นรากฐานของ bpositive ในวันนี้

“การทำธุรกิจด้านเฮลท์แคร์ไม่ควรแสวงหากำไรสูงสุดจากผู้ป่วย แต่ควรสร้างสมดุลระหว่างการเยียวยาผู้คนกับผลประกอบการไปพร้อมกัน สำหรับ bpositive คุณภาพคือสิ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และความภักดี – ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ของผู้คนและการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ซึ่งทั้งหมดนี้คือการทำการตลาดที่ทรงพลังที่สุด”

ในอนาคต bpositive ยังมองเห็นโอกาสในการขยายสู่ตลาด Lifestyle Healthcare และเปิดกว้างสำหรับการร่วมมือกับ แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) เพื่อนำภูมิปัญญาธรรมชาติมาสู่การดูแลสุขภาพสมัยใหม่ ตอกย้ำความตั้งใจที่จะให้ bpositive เป็นแบรนด์ที่คนไทยรัก ทั้งในแง่คุณภาพและการเป็นผู้ให้ผ่านโครงการ buy1help1