วีซ่าเผย 5 ประเด็นสำคัญด้านความปลอดภัยและการสร้างความมั่นใจในระบบชำระเงินดิจิทัลของไทย ที่งาน Visa Forum 2025

วีซ่าผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เมื่อเร็วๆ นี้ได้จัดงานฟอรัมภายใต้ธีม “Navigating Tomorrow: Enabling Trust, Driving Success” ตอกย้ำบทบาทของวีซ่าที่มีส่วนสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยและส่งเสริมการพัฒนาของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย งานนี้จัดขึ้นที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์ คีส์ ควีนส์ปาร์ค โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลและผู้นำในอุตสาหกรรมการเงินเข้าร่วมแบ่งปันความรู้  นอกจากนี้วีซ่ายังเปิดตัว “Visa Thailand Security Roadmap 2025” ซึ่งเป็นแผนกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างนวัตกรรมควบคู่กับการเสริมความแข็งแกร่งให้โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินของประเทศ

ฟอรัมนี้ได้รวบรวมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากวีซ่า ได้แก่ มร. สเตฟาน เดอ’ฮอร์ (StefaanD’Hoore) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยง วีซ่าเอเชียแปซิฟิก มร. ฮักคิม (Hak Kim) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชัน วีซ่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมร. ฟิลลิปฟินนีแกน (Phillip Finnegan) หัวหน้าฝ่าย Featurespace วีซ่าเอเชียแปซิฟิก พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคธุรกิจการเงินชั้นนำ อาทิ นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย ดร.นครินทร์ อมเรศ รองผู้อำนวยการ ธนาคารแห่งประเทศไทย นายไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ หัวหน้าคณะทำงานป้องกันทุจริตบัตรเครดิต ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย และนายศุภวิชญ์ หงส์อมรสิน ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการชำระเงินประจำภูมิภาคและผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท โมนี่ (แคปปิตอล) จำกัด

เนื้อหาของฟอรัมเน้นย้ำว่าในยุคที่การฉ้อโกงมีความซับซ้อนมากขึ้นและยังถูกขับเคลื่อนด้วย AI ความปลอดภัยต้องเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายออนไลน์ โดยสาระสำคัญของงานมุ่งเน้นความร่วมมือของทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ การกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยพื้นฐาน และการนำเทคโนโลยี AI รุ่นใหม่มาใช้ เพื่อให้ระบบนิเวศการชำระเงินของไทยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

5 ประเด็นสำคัญจากฟอรัม “Navigating Tomorrow: Enabling Trust, Driving Success”

1. ร่วมมือกันป้องกันด้วยพลัง AI เพื่อการชำระเงินที่มั่นคงในอนาคต

อาชญากรรมไซเบอร์ทั่วโลกสร้างความเสียหายกว่า 10.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยก็เผชิญความสูญเสียจากมิจฉาชีพมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ สถานการณ์นี้นำไปสู่ความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนจากการรับมือแบบต่างคนต่างทำไปสู่ความร่วมมืออย่างเป็นระบบ วีซ่าจึงเดินหน้าขับเคลื่อนโมเดลการป้องกันแบบเครือข่าย โดยใช้เทคโนโลยี AI ระดับโลก ระบบแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ และมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด เพื่อรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การปลอมแปลงตัวตนด้วย AI (AI-driven impersonation) อัตลักษณ์สังเคราะห์ (Synthetic identities) และการโจมตีความเร็วสูง (High-speed attacks) พร้อมผลักดันให้ระบบการชำระเงินปลอดภัยและเชื่อถือได้ในระยะยาว

2. วางรากฐานความปลอดภัยให้การชำระเงินแบบดิจิทัลด้วย Tokenisation และการยืนยันตัวตนขั้นสูง

เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคที่ต้องการประสบการณ์การชำระเงินที่ไร้รอยต่อและปลอดภัย ภาคธุรกิจการเงินต้องให้ความสำคัญกับองค์ประกอบความปลอดภัยพื้นฐาน โดย Tokenisation ยังคงเป็นเทคโนโลยีหลักที่ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ ด้วยการแทนที่หมายเลขบัตรจริง (Primary Account Numbers – PANs) ด้วยรหัสที่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังเสริมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง อาทิ การยืนยันตัวตนแบบ EMV 3DS และเทคโนโลยีไบโอเมตริกส์เพื่อสร้างความปลอดภัยครบวงจร รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การชำระเงินผ่านมือถือและช่องทาง Embedded Finance

3. กลยุทธ์ด้านความปลอดภัยของวีซ่า: การเตรียมพร้อมหลายมิติเพื่อการเติบโตที่มั่นคง

“Visa Thailand Security Roadmap 2025” เป็นแนวทางเชิงรุกที่มุ่งให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของการใช้ Tokenisation โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรม ลดการฉ้อโกง พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรายการการฉ้อโกงขนาดใหญ่ วีซ่าได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นโดยขับเคลื่อนด้วยระบบการยืนยันตัวตนแบบ Biometrics การใช้ Passkeys และนวัตกรรมใหม่อื่น ๆ เช่น Agentic AI และ Cloud Token Frameworks มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สรุปคือโรดแมปฉบับนี้ช่วยวางรากฐานให้เครือข่ายดิจิทัล ให้เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเสริมความมั่นคงของระบบการชำระเงินในประเทศไทย และตอกย้ำความมุ่งมั่นของวีซ่าในการสร้างการเติบโตที่ปลอดภัยและยั่งยืน

4. การปรับนโยบายให้เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างนวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบ

การเติบโตอย่างมั่นคงของเศรษฐกิจดิจิทัลต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐและเอกชน ในฟอรัมนี้คณะผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารแห่งประเทศไทยและชมรมธุรกิจบัตรเครดิต ได้ยืนยันถึงความสำคัญของการร่วมมือกันผ่านการเปิดเวทีพูดคุยในหัวข้อสำคัญ อาทิ การใช้ Regulatory Sandbox และความร่วมมือในโครงการต่าง ๆ เช่นระบบรายงานการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ เพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมอย่างรับผิดชอบ พร้อมรักษาความปลอดภัยและความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินในประเทศไทย

5. การบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมต้องใช้ AI ที่มีความยืดหยุ่นและตอบสนองเรียลไทม์

วีซ่าเสริมศักยภาพให้พันธมิตรอย่างเต็มกำลังด้วย Visa Protect ซึ่งเป็นแนวทางบริหารความเสี่ยงและป้องกันการฉ้อโกงแบบครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Machine Learning โดยมีโซลูชันสำคัญ อาทิ Visa Consumer Authentication Service (VCAS) และ Featurespace’s ARIC Risk Hub โซลูชันเหล่านี้ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมแบบเรียลไทม์และประเมินความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ออกบัตรและร้านค้าสามารถตรวจจับรูปแบบการฉ้อโกงใหม่ได้ทันที ทั้งควบคุมงบประมาณได้ดีขึ้นจากการปฏิเสธธุรกรรมที่ผิดพลาด รวมถึงป้องกันธุรกรรมทั้งแบบใช้บัตรและไม่ใช้บัตรโดยไม่กระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้

ฟอรัม “Navigating Tomorrow: Enabling Trust, Driving Success” ที่จัดโดยวีซ่าครั้งนี้ ได้กำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ในระบบนิเวศการชำระเงินดิจิทัลของประเทศไทย และตอกย้ำบทบาทของวีซ่าในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมความปลอดภัยในการชำระเงิน ด้วยการผลักดันเทคโนโลยีล้ำสมัย เสริมสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการเงิน และกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่น วีซ่าหวังว่าห้าประเด็นสำคัญจากฟอรัมนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรต่าง ๆ ในการรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างมั่นใจ โดยมีวีซ่าเป็นพันธมิตรเคียงข้างที่สนับสนุนด้านนวัตกรรมและความเป็นเลิศด้านความปลอดภัย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Visa Thailand Security Roadmap 2025-2028 สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.visa.co.th/content/dam/VCOM/regional/ap/thailand/global-elements/documents/visa-thailand-security-roadmap-2025-2028.pdf