ปีใหม่ทั้งที เลิกสู้ชีวิตแต่งานไม่เดินด้วย 2 กิจวัตรลับ ช่วยให้ “งานเดิน” และ “เลิกงานได้จริง”

Asian businesswoman holding smartphone with charts or documents at work using business laptop calculator, financial accountant, money calculation, bank, loan, rent, payment.
เมื่อปี 2026 กำลังจะมาถึง หลายคนคงเริ่มหาเทคนิคใหม่ๆ มาปรับใช้กับชีวิตและงาน แต่แทนที่จะโฟกัสแค่การตื่นเช้าหรือนอนดึก Cal Newport (ศาสตราจารย์และนักเขียนชื่อดังด้าน Productivity) แนะนำว่ามี 2 ช่วงเวลา ที่สำคัญมากในที่ทำงาน ซึ่งจะช่วยให้คุณโฟกัสได้เต็มที่และสลัดเรื่องงานทิ้งได้ตอนกลับบ้าน

Newport เชื่อเรื่องการทำ Time Blocking หรือการ “ล็อคเวลา” ไว้สำหรับ Deep Work (งานที่ต้องใช้สมองหนักๆ และสมาธิสูง) โดยเขามี 2 เคล็ดลับดังนี้

1. กิจวัตร “วอร์มอัพ” ก่อนเริ่มงานยาก

สมองคนเราไม่ได้ถูกสร้างมาให้เปลี่ยนโหมดมานั่งจดจ่อกับเรื่องยาก ๆ ได้ทันที

  • ปัญหา: ทุกวันนี้เราโดนขัดจังหวะด้วยอีเมลและแชท แทบทุกๆ 2 นาที จนสมองชินกับ “เสียงรบกวน” พอต้องมานั่งทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง สมองเลยปรับตัวไม่ทัน

  • วิธีแก้: ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่ต้องโฟกัสงานจริง ๆ ให้ทำกิจกรรมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นการส่งสัญญาณบอกสมองว่า “เฮ้ย… ได้เวลาเปลี่ยนโหมดแล้วนะ”

  • ตัวอย่าง: เดินเล่นสั้น ๆ ชงชาสักแก้ว หรือจัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย เหมือนเป็นการวอร์มอัพร่างกายก่อนออกกำลังกาย

  • จำไว้ว่า: เราไม่สามารถปิดอีเมลปุ๊บ เปิดไฟล์งานปั๊บ แล้วสั่งให้สมอง “โฟกัสเดี๋ยวนี้!” ได้ทันที

2. กิจวัตร “ปิดสวิตช์” หลังเลิกงาน

เมื่อหมดวัน เราต้องมีขั้นตอนเพื่อ “ล้างสมอง” จากเรื่องงาน เพื่อไม่ให้เก็บเอาไปกังวลต่อที่บ้าน

  • วิธีทำ: ก่อนจะลุกจากโต๊ะ ให้เช็กอีเมลรอบสุดท้าย ดูปฏิทินงานของวันพรุ่งนี้ และจดสิ่งที่ค้างคาไว้ให้หมด

  • จุดสำคัญ: เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ ให้หา “สัญลักษณ์” บ่งบอกว่าจบวันแล้วจริง ๆ อย่าง Newport เองจะใช้วิธีติ๊กถูกในช่องที่เขียนว่า “Shutdown Complete” (ปิดงานสมบูรณ์) เป็นขั้นตอนสุดท้าย

  • ผลลัพธ์: แม้มันจะไม่ได้ช่วยให้ความเครียดหายไปทั้งหมด แต่มันช่วย “ดัดนิสัย” ไม่ให้สมองคิดฟุ้งซ่านเรื่องงานในเวลาพักผ่อน เพราะเราได้ยืนยันกับตัวเองไปแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

Source