รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2547

ประเด็นตลาดวันนี้ (11 มิถุนายน 2547)

ดัชนีตลาดหุ้น SET วันศุกร์ ปิดตลาดที่ 613.13 จุด สูงขึ้นจากวันก่อนเล็กน้อย โดยปรับขึ้น 0.92 จุด หรือ เพิ่มร้อยละ 0.15 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มที่ดิน พลังงาน และแบงก์

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเมี่อเทียบกับเงินเยน โดยอยู่ที่ระดับ 110.24 เยน/ดอลลาร์ฯ และ แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.2002 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ส่วนเงินบาทยังคงอ่อนค่าลงไปอีกเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยอยู่ที่ 40.7 บาท/ดอลลาร์ฯ

– ดัชนี Nikkei ในวันศุกร์ ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวันก่อน โดยมาปิดที่ 11,526.82 จุด ลดลงไป 49.15 จุด หรือ 0.42% โดยได้ปัจจัยลบจากราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับชิพ และ โทรทัศน์จอแบน
ที่ปรับลดลง และการที่นักลงทุนชะลอการซื้อ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปิดทำการเพื่อไว้อาลัยให้แก่อดีตประธานาธิบดี

– ดัชนีตลาดหุ้น Dow Jones ในวันพฤหัสบดี ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อน โดยเพิ่มขึ้น 41.66 จุด หรือ 0.4% สู่ระดับ 10,410.1 จุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเฟดเอ็กซ์ ขณะที่นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ปริมาณการซื้อขายเบาบางที่ 1.2 พันล้านหุ้น

– สำนักงานสถิติแห่งชาติสหรัฐฯ ได้เลื่อนการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตประจำเดือน พ.ค. จากกำหนดการเดิมที่ต้องแถลงในวันนี้ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากประสบปัญหาด้านการคำนวณ ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขสำคัญที่ใช้วัดอัตราเงินเฟ้อ และสามารถใช้บ่งบอกผลกำไร รวมถึงการจ้างงานในอนาคต

– กรมสรรพากรเปิดเผยว่า ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมารัฐจัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 1.41 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 49.16% โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงสุดได้แก่ ภาษีปิโตรเลียม และ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค.ปีก่อน 1,016% และ 29.83% ตามลำดับ

– ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของไตรมาสแรก มีมากกว่า 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มจากสิ้นปี 2546 ถึงร้อยละ 24 ส่วนจำนวนบัตรเตรดิตเพิ่มขึ้นเป็น 7.36 ล้านใบ มากกว่าสิ้นปีก่อนที่ 6.73 ล้านใบ

– รัฐบาลได้เตรียมกู้เงินจำนวน 8 พันล้านบาท เพื่อมาชดเชยราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยได้เปิดวงเงินเกินบัญชีจากธนาคารกรุงเทพฯจำนวน 3 พันล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 1.75% และ เตรียมกู้จากธนาคารกสิกรไทยอีกจำนวน 5 พันล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 1.79%

ภาวะตลาดหุ้น

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงจากวันก่อน โดยปิดที่ 11,526.82 จุด ลดลงไป 49.15 จุด หรือ ร้อยละ 0.42 ทั้งนี้จากการร่วงลงของราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับชิพ และ โทรทัศน์จอแบน อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์สำหรับผลิตภัณฑ์ดิจิตอล นอกจากนั้นการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการในวันศุกร์นี้ ทำให้นักลงทุนได้ลังเลที่จะเข้ามาซื้อหุ้นก่อนวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตัวเลขคำสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นในเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น จะช่วยทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดมากขึ้นในสัปดาห์หน้า

US ‘s Dow Jones
ดัชนีDow Jones วันพฤหัสบดี ปรับตัวขึ้นจากวันก่อน 41.66 จุด คิดเป็นร้อยละ 0.4ไปอยู่ที่ระดับ 10,410.10 จุด โดยนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และ เงินเฟ้อ นอกจากนั้นตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากราคาหุ้นเฟดเอ็กซ์ ที่ปรับขึ้นจากการคาดการณ์ถึงผลประกอบการในไตรมาส2ที่ดีขึ้น ปริมาณการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันศุกร์เพื่อเป็นการไว้อาลัย อดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน

US’s NASDAQ

ดัชนี NASDAQ ในวันที่ 10 มิ.ย ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน โดยปรับขึ้นไป 9.26 จุด หรือ ร้อยละ 0.47 ปิดที่ระดับ 1,999.87 จุด การซื้อขายยังคงเป็นไปอย่างเบาบาง โดยปัจจัยบวกมาจากหุ้นบริษัทอินเทล ที่ปรับขึ้นจากการคาดการณ์ถึงการขยายตัวเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปีนี้

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.92 จุด หรือ ร้อยละ 0.15 มาอยู่ที่ระดับ 613.13 จุด ตลาดยังคงแกว่งตัวในช่วงแคบๆ และทั้งนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ เช่น สถานการณ์ภาคใต้ ราคาน้ำมันในประเทศ อีกทั้งนักลงทุนกลัวความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวันหยุด โดยแรงเทขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มของหุ้นไฟแนนซ์ และสื่อสาร ในขณะที่มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มหุ้นที่ดิน พลังงาน และ แบงก์

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทยังคงอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวกับเงินเยน และค่าเงินอื่นในภูมิภาค ทั้งนี้ปัจจัยที่มากดดันค่าเงินบาทยังคงได้แก่ แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่อาจมากกว่าระดับที่คาดไว้ ราคาน้ำมันในประเทศ และ สถานการณ์ภาคใต้

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับแข็งค่าขึ้น หลังจากนายวิลเลียม พูล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯอาจจะเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้ ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ฯไม่ได้แข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากเงินเยนยังคงได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังการประกาศตัวเลขการสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนเม.ย.ที่เพิ่มสูงขึ้น

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ/ยูโรแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ทั้งนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯจะปรับขึ้นอย่างรุนแรงกว่าที่คาดไว้ เนื่องมาจากการที่ราคานำเข้าของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 1.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นทำให้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังรอฟังการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค และ ดัชนีราคาผู้ผลิตซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond 1 Year / Thai Gov. Bond 5 Years / Thai Gov. Bond 10 Years / Thailand Bond Value (MB)
มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 13,520.23ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนถึง130 % การซื้อขายในตลาดวันนี้ค่อนข้างหนาแน่น โดยการซื้อขายส่วนใหญ่กว่า 41% อยู่ในกลุ่มของตั๋วเงินคลัง อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง –1.5 ถึง 1 bps.

Us Treasury Bond 10 Years
ราคาของ 10years US treasuries notes ที่ออกใหม่ในวันนี้เพิ่มขึ้นจากความต้องการซื้อที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงมีอยู่ ทั้งนี้นักลงทุนจะรอฟังตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ที่จะเผยในวันอังคารหน้านี้