ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม ปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนที่ 633.42 จุด ปรับตัวลดลง 15.05 จุด หรือร้อยละ 2.32 โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับ NPL ของธนาคารพาณิชย์ที่จะเพิ่มขึ้น หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวว่าอาจมีการพิจารณาให้ธนาคารต่างๆมีการกันสำรองหนี้เพิ่ม
• ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยลดไป 33.16 จุด หรือร้อยละ 0.27 ไปปิดที่ระดับ 12,319.83 จุด จากการลดลงของราคาหุ้นบริษัทจีนหลังจากที่นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลว่าผลประกอบการภาคเอกชนอาจจะลดลงไป จากมาตรการในการควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจจีน
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยลดลงไป 27.78 จุด หรือร้อยละ 0.25 ไปปิดที่ระดับ 11,159.55 จุด จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดซึ่งได้ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการภาคเอกชนและแนวโน้มของธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยี และเทเลคอม
• ตลาดหุ้น Dow Jones วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม ปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10,000 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน โดยลดลงไป 88.11 จุด หรือร้อยละ 0.88 ไปอยู่ที่ระดับ 9,962.36 จุด จากการประกาศตัวเลขผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทโคคา โคล่า และไมโครซอฟท์ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการโจมตีที่อาจมีขึ้นระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรคเดโมเครตในสัปดาห์นี้
• เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยอยู่ที่ระดับ 109.77 เยน/ดอลลาร์ฯ แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทและยูโรที่ 41.167 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2154 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ
ภาวะตลาดหุ้น
Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนที่ 633.42 จุด ลดลงไป 15.05 จุด หรือร้อยละ 2.32 โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยนักลงทุนได้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับ NPL ของธนาคารพาณิชย์ต่างๆที่จะเพิ่มขึ้น หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กล่าวว่า กำลังมีการพิจารณาให้ธนาคารพาณิชย์มีการกันสำรองหนี้เพิ่ม ประกอบกับการที่ราคาน้ำมันได้เพิ่มสูงขึ้น และค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบปีก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการซื้อขายในวันนี้
Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยปิดที่ระดับ 11,159.55 จุด ลดลง 27.78 จุด หรือร้อยละ 0.25 จากการที่นักลงทุนส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดที่ปรับตัวลดลงมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา และชะลอการซื้อขายก่อนการประกาศผลประกอบการรายไตรมาสซึ่งจะเริ่มอย่างเต็มที่สัปดาห์หน้า ทำให้ได้มีการขายหุ้นกลุ่มธนาคาร และโบรกเกอร์ออกมา นอกจากนั้น นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการ และแนวโน้มทางธุรกิจของกลุ่มเทคโนโลยี และเทเลคอม ซึ่งได้ทำให้มีการขายหุ้นในกลุ่มดังกล่าวออกมาอย่างมากในวันนี้เช่นกัน
Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลง 27.78 จุด หรือร้อยละ 0.27 ไปปิดที่ระดับ 12,319.83 จุด โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการลดลงอย่างมากของราคาหุ้นบริษัทจีน หลังจากที่นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลว่าผลประกอบการของกลุ่มบริษัทดังกล่าวน่าจะลดลงไป อันเป็นผลจากมาตรการลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของจีน
US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม ปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10,000 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน โดยลดลงไป 88.11 จุด หรือร้อยละ 0.88 ไปปิดที่ระดับ 9,962.36 จุด จากความวิตกกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ของบริษัท โคคา โคลา และการที่บริษัทไมโครซอฟท์ ได้เผยการคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ที่จะลดลงไป นอกจากนั้นอีกปัจจัยที่กดดันตลาด ได้แก่ ความวิตกกังวลว่าอาจจะมีการโจมตีในระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรคเดโมเครตที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ทำให้มีแรงขายในตลาดออกมาอย่างมาก
US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงไปอย่างมากเช่นเดียวกัน โดยได้ปิดตลาดที่ระดับ 1,849.28 จุด ลดลงไป 39.97 จุด หรือ ร้อยละ 2.12 ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดครั้งใหม่ของปี โดยได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ผลกำไรที่ลดลงของบริษัทไมโครซอฟท์ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการโจมตีระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตในสัปดาห์นี้
สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบปี โดยค่าเงินบาทได้รับแรงกดดันจากการที่เงินดอลลาร์ฯยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากได้แรงบวกจากแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ และราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเป็นการอ่อนค่าลงเช่นเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ในวันนี้
Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยนในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯหลายตัวที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.ที่จะเผยในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าดัชนีน่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 102.0 จากที่ 101.9 ในเดือน มิ.ย. และการประกาศตัวเลขสินค้าคงทนในวันพุธ และข้อมูลจีดีพีไตรมาสสองในวันศุกร์นี้ นอกจากนั้นเงินดอลลาร์ฯยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลว่าจะมีการโจมตีโดยกลุ่มอัลเคดา ในระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรคเดโมเครตในสัปดาห์นี้
USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินยูโรในวันนี้ โดยเงินดอลลาร์ฯยังคงได้รับแรงบวกจากแถลงการณ์นโยบายการเงินรอบครึ่งปี ของนาย อลัน กรีนสแปน ประกอบกับยังไม่มีข้อมูลใหม่ๆเข้ามาในตลาดในวันนี้ คาดว่าค่าเงินดอลลาร์ฯจะยังคงปรับตัวในช่วงแคบๆต่อไป โดยนักลงทุนจะรอฟังผลข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวในสัปดาห์นี้
สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้
Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 13,019.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนร้อยละ 12 โดยปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 73 อยู่ในกลุ่มของตั๋วเงินคลัง ตามมาด้วยพันธบัตรองค์กรภาครัฐ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ เพิ่มขึ้นไปตั้งแต่ 0.5 ถึง 3 bps. ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มของพันธบัตรระยะสั้น
Us Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการที่นักลงทุนส่วนใหญ่ได้หันมาลงทุนในตลาดพันธบัตรมากขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยกว่า หลังจากมีข่าวออกมาถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการโจมตีเกิดขึ้นระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมเครตซึ่งจะมีขึ้นเป็นเวลา 4 วันในสัปดาห์นี้
