ธสน. แถลงผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2547

นายสถาพร ชินะจิตร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนของปี 2547 ว่า ธสน. มีกำไรสุทธิ 202 ล้านบาท ลดลง 42 ล้านบาท จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 18 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลงสอดคล้องกับภาวะตลาดเงินภายในประเทศ และ ธสน. มีรายได้จากหนี้ตัดจำหน่ายได้รับคืนลดลง 89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่ ธสน. เรียกเก็บคืนหนี้ที่ตัดจำหน่ายไปแล้วได้สูงสุด อย่างไรก็ตาม ธสน. สำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในรอบครึ่งแรกของปี 2547 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 94 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการรายไตรมาส ธสน. มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 61 ล้านบาท เทียบกับ 163 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ของปีที่แล้วลดลงเนื่องจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง

สำหรับสินทรัพย์รวม ณ สิ้นมิถุนายน 2547 มีจำนวน 51,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 47,930 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 ยอดเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ ณ สิ้นมิถุนายน 2547 มีจำนวน 44,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 43,129 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 ในด้านปริมาณการรับซื้อและเรียกเก็บเงินตามตั๋วส่งออก และการรับแจ้งประกันการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกปี 2547 มีมูลค่า 50,471 ล้านบาท และ 13,737 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.3 และ 4.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546

ณ สิ้นมิถุนายน 2547 ธสน. มียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เท่ากับ 4,476 ล้านบาทหรือร้อยละ 10.1 ของยอดเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 ซึ่งเท่ากับร้อยละ 9.5 สำหรับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นมิถุนายน 2547 เท่ากับร้อยละ 19.5

กรรมการผู้จัดการ ธสน. กล่าวเพิ่มเติมว่าในไตรมาส 2 ของปี 2547 ธสน. ได้ดำเนินการด้านการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ดังนี้

1. ธสน. อนุมัติวงเงินกู้ระยะยาว จำนวน 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลพม่าเพื่อใช้ซื้อสินค้าทุน อาทิ เครื่องจักร อุปกรณ์ วัสดุก่อสร้าง รวมไปถึงการจ้างบริการจากบริษัทของไทย

2. เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่ต้องการขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อในประเทศอิหร่านและรัสเซีย ธสน. ได้ลงนามในความตกลงว่าด้วยระบบการชำระเงินแบบทวิภาคีหรือ Account Trade กับประเทศอิหร่านในวงเงิน 10 ล้านยูโร และสำหรับประเทศรัสเซีย ธสน. ได้ให้วงเงินสินเชื่อระยะสั้นแบบหมุนเวียนแก่ Vneshtorgbank จำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ส่งออกไทยที่ได้รับการเปิด L/C Sight ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากผู้นำเข้าในรัสเซียผ่านธนาคารดังกล่าวสามารถเบิกเงินตาม L/C จาก ธสน. ได้ทันที นอกจากนี้ ธสน. ยังเปิดบริการเปิดรับซื้อและยืนยัน L/C แก่ผู้ส่งออกที่ได้รับ L/C จากธนาคารของรัสเซีย 9 แห่ง สำหรับการค้าขายที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2547 ธสน. ได้เปิดให้บริการ “สินเชื่อส่งออกเพิ่มค่า (Packing Credit Plus)” ซึ่งเป็นการรวมบริการสินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออกและบริการประกันการส่งออกเข้าด้วยกัน เพื่อให้บริการผู้ส่งออกขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนสำหรับเตรียมสินค้าก่อนการส่งออกและบริการต่อเนื่องไปจนถึงการรับซื้อตั๋วส่งออกหลังการส่งออกที่ได้รับประกันโดย ธสน. ซึ่งเป็นการลดต้นทุนทางการเงินของผู้ส่งออกเนื่องจากได้รับความเสี่ยงจากการที่ผู้ซื้อไม่ชำระเงินค่าสินค้าโดยผู้ส่งออกไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันต่างหากอีก