รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นอีก 8.11 จุด หรือร้อยละ 1.38 ไปอยู่ที่ 596.98 จุด โดยนักลงทุนได้กลับเข้ามาช้อนซื้อหุ้นหลายตัวเนื่องจากมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก นอกจากนั้นคำชี้แจงเกี่ยวกับปัญหา NPL โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา ได้ทำให้มีแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารมากขึ้นในวันนี้

• ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงไปถึง 140.08 จุดหรือร้อยละ 1.13 ไปปิดที่ระดับ 12,219.75 จุด จากความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่าจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และ ทำให้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลงไป

• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนในวันนี้ โดยลดลงไป 69.39 จุด หรือร้อยละ 0.65 ไปปิดที่ระดับ 10,687.81 จุด ทั้งนี้ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการประกาศตัวเลขจีดีพีเดือน เม.ย.-มิ.ย. ที่น้อยกว่าที่คาดไว้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ได้เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ซึ่งอาจกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

• ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไป 10.76 จุด หรือร้อยละ 0.11 ไปอยู่ที่ระดับ 9,825.35 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากการประกาศแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีกว่าที่ตลาดได้คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ที่ได้สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 46.65 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรลในวันศุกร์ได้กดดันตลาดไม่ให้ปรับขึ้นไปมากนัก

• เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 1.2346 ดอลลาร์ฯ/ยูโร และ 110.8 เยน/ดอลลาร์ฯ และแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับบาทที่ 41.53 บาท/ดอลลาร์ฯ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ที่ผ่านมา 8.11 จุด หรือร้อยละ 1.38 ไปอยู่ที่ 596.98 จุด โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ได้กลับเข้ามาช้อนซื้อหุ้นหลายตัวที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก นอกจากนั้น การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับปัญหา NPL ของภาคธนาคารเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ได้ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น โดยได้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารกลับเข้ามาเพิ่มขึ้นในวันนี้

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยปิดที่ระดับ 10,687.81 จุด ลดลงไป 69.39 จุด หรือร้อยละ 0.65 โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส เม.ย.-มิ.ย.ที่น้อยกว่าที่คาดไว้ ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มที่พึ่งพาธุรกิจในประเทศยังคงปรับตัวลดลง นอกจากนั้น ความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในวันนี้ที่ 46.9 ดอลลาร์ฯ/ บาร์เรล ได้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มส่งออกปรับตัวลงในวันนี้ด้วยเช่นกัน

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดเช่นเดียวกัน โดยลดลงไปถึง 140.08 จุด หรือร้อยละ 1.13 ไปปิดที่ระดับ 12,219.75 จุด จากความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวสูงขึ้น ว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ ทำให้ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลงไป

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นไป 10.76 จุด หรือ ร้อยละ 0.11 ไปปิดที่ 9,825.35 จุด โดยได้แรงหนุนจากการประกาศตัวเลขแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัท เดลล์ อิงค์ ที่ดีกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นไปมากนัก เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่เป็นวันที่ 10 จากเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นน้ำมันในรัฐอินเดียน่า และ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนปริมาณน้ำมัน นอกจากนั้นตัวเลขยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯเดือน มิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ที่ลดลงจากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ได้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบปี โดยได้ปิดตลาดที่ระดับ 1,757.22 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด หรือ ร้อยละ 0.27 โดยได้รับแรงบวกจากการประกาศแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ที่มากกว่าที่คาดไว้ของเดลล์ อิงค์

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ ยังคงทรงตัวอยู่ในช่วงแคบๆที่ 41.5 – 41.6 บาท/ ดอลลาร์ฯซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบปี ถึงแม้ว่าค่าเงินเยน และค่าเงินส่วนใหญ่ๆในภูมิภาคต่างก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ หลังจากมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อ่อนแอหลายตัวในวันศุกร์ที่ผ่านมา

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินเยน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขยอดขาดดุลการค้าเดือน มิ.ย.ที่มากขึ้นเป็นประวัติการณ์ และ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ส.ค.จากมหาลัยมิชิแกนที่ลดลงไปอยู่ 94.0 เมื่อเทียบกับ 96.7 ในเดือนก.ค. ในวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เงินเยนไม่ได้แข็งค่าขึ้นไปมากนัก เนื่องจากนักลงทุนไม่ต้องการเข้าซื้อเงินเยนอย่างมาก หลังจากที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส เม.ย.- มิ.ย.ที่ประกาศเมื่อวันศุกร์อ่อนแอกว่าที่คาดไว้

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินยูโรเช่นเดียวกัน โดยได้ลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.238 ก่อนที่จะกลับแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย โดยมีแรงซื้อเงินยูโรเข้ามามากขึ้น หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯและญี่ปุ่นที่อ่อนแอลงไป นอกจากนั้นการที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 46.9 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรลได้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อเงินยูโรมากขึ้น โดยเชื่อว่าเป็นเงินสกุลที่ปลอดภัยกว่า

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 7,909.08 ล้านบาท เพิ่มจากวันศุกร์ที่ผ่านมาร้อยละ 18.3 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะกลาง และระยะยาวส่วนใหญ่แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นได้ปรับเพิ่มขึ้นไปตั้งแต่ 2 ถึง 8 bps.โดยพันธบัตรอายุ 3 เดือน ปรับขึ้นไปมากที่สุดถึง 8 bps.

Us Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคมได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เกิดความไม่มั่นใจในการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าจะเป็นไปอย่างแข็งแกร่งตามที่ธนาคารกลางสหรัฐฯได้กล่าวไว้ หลังจากมีการประกาศตัวเลขยอดขาดดุลการค้าเดือน มิ.ย.ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ที่ลดลงจากที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯไม่น่าจะถูกปรับขึ้นไปอีกมากนัก