รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 22 กันยายน 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพุธที่ 22 กันยายน ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 663.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือร้อยละ 0.39 มูลค่าการซื้อขายที่ 2.21 หมื่นล้านบาท โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน และสื่อสารซึ่งไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากราคาน้ำมันซึ่งในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนั้นข่าวการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนวันนี้

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปจากวันก่อน 32.25 จุด หรือร้อยละ 0.24 ไปปิดที่ 13,272.23 จุด หลังจากที่ธนาคารฮ่องกงได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกร้อยละ 0.25 สู่ร้อยละ 3.25 ตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐฯ

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่ห้าติดต่อกัน โดยปิดที่ระดับ 11,019.41 จุด ลดลงไป 61.46 จุด หรือร้อยละ 0.55 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มส่งออก และ กลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น หุ้นเคียวเซร่า สืบเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ของญี่ปุ่น

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันอังคารที่ 22 กันยายน ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 10,244.93 จุด เพิ่มขึ้นไป 40.04 จุดหรือร้อยละ 0.39 โดยได้รับแรงหนุนจากแถลงการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งได้กล่าวว่าการขยายของผลผลิตได้ฟื้นตัว และ ภาวะตลาดแรงงานอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น ส่วนภาวะเงินเฟ้อได้ลดระดับลง

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท, เยน และ ยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 41.287 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 109.94 เยน/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2304 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้นในวันนี้ โดยอยู่ที่ 663.51 จุด เพิ่มขึ้นไป 2.59 จุด หรือร้อยละ 0.39 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 22,193.37 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน และ สื่อสารซึ่งไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ข่าวการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ในสัปดาห์นี้ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในช่วงบ่าย

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่ห้าติดต่อกัน โดยปิดที่ระดับ 11,019.41 จุด ลดลงไป 61.46 หรือร้อยละ 0.55 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. จากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มส่งออก และ กลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น หุ้นเคียวเซร่า คอร์ป ซึ่งได้ลดลงไปจากความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ของญี่ปุ่น นอกจากนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการที่จะซื้อขายระยะสั้นก่อนวันหยุดของญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางฮ่องกงได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานขึ้นไปร้อยละ 0.25 สู่ร้อยละ 3.25 ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ โดยได้ปิดตลาดที่ 13,272.23 จุด ลดลงไป 32.25 จุด หรือ ร้อยละ 0.24 โดยหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เช่น หุ้นเอชเอสบีซี หุ้นในกลุ่มเหมืองแร่ และ หุ้นกลุ่มผู้จัดหาวัตถุดิบของจีนได้ลดลงไปในวันนี้

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยได้เพิ่มขึ้นไปอีก 40.04 จุด หรือ ร้อยละ 0.39 ไปปิดที่ 10,244.93 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ 1.3 พันล้านหุ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไปอีกร้อยละ 0.25 สู่ร้อยละ 1.75 ตามความคาดหมาย โดยได้แรงหนุนจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯที่ยังคงกล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯในเชิงบวก โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจและการขยายตัวของผลผลิตกำลังฟื้นตัว และตลาดแรงงานอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น นอกจากนั้นภาวะเงินเฟ้อ และ การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อก็ได้เริ่มลดลง

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยอยู่ที่ 1,921.18 จุด เพิ่มไปอีก 13.11 จุด หรือ ร้อยละ 0.69 โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯเช่นเดียวกัน ทั้งนี้นักลงทุนได้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯน่าที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 1 ครั้งในปีนี้

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทยังคงปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯระหว่าง 41.2-41.3 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยได้แข็งค่าขึ้นไปเล็กน้อย จากการคาดการณ์ที่ว่าจะมีเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ข่าวการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯไม่ค่อยมีผลกระทบต่อเงินบาทมากเท่าใดนัก เนื่องจากค่าเงินได้ปรับตัวรับข่าวนี้ไปก่อนล่วงหน้าแล้ว

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกร้อยละ 0.25 สู่ร้อยละ 1.75 เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย โดยนักลงทุนได้ให้ความสนใจไปที่แถลงการณ์ของนาย อลัน กรีนสแปน ซึ่งได้ระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อ และ การคาดการณ์เงินเฟ้อได้ลดระดับลงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ย. และ ธ.ค.อีกหรือไม่

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยได้อยู่ที่ 1.2347 ดอลลาร์ฯ/ยูโร โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงกดดันจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯที่กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อในอนาคตมีแนวโน้มที่จะลดลง ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในอนาคตลงไป นอกจากนั้นแล้วนักลงทุนจะรอฟังแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางยุโรป เกี่ยวกับเศรษฐกิจในเขตยูโรโซน ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ เพื่อดูแนวโน้มของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเขตยูโร

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 8,926.24 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 3 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรในทุกระยะต่างปรับลดลงไปโดยพันธบัตรระยะกลางและระยะยาว ได้ปรับลดลงอย่างมากตั้งแต่ –1 ถึง -8 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 21 กันยายน ได้เพิ่มขึ้นโดยอัตราผลตอบแทนของ 10 Years US Treasury Bond ได้ปรับตัวลดลงอยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยได้รับแรงบวกจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯที่กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อ และ การคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในอนาคตได้ลดลง ซึ่งอาจจะทำให้มีความจำเป็นน้อยลงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต