กระตุ้นตลาดโตต่อเนื่อง ประกาศลั่น ขึ้นแท่นผู้นำตลาดจีพีเอสเมืองไทย
โรงแรมอโนมา – อีเอสอาร์ไอ ก้าวทะยาน รุกตลาด จีพีเอส กระตุ้นตลาดด้วย GARMIN 6 รุ่น ชี้เปรี้ยงตลาดขยายตัวต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว รองรับตลาดคอนซูเมอร์ พร้อม เปิดแผนกเทเลเมติกส์รองรับ หวังสัดส่วนรายได้จากจีพีเอสสูงขึ้น ประกาศก้อง พร้อมชูศักยภาพเหนือระดับ ครองใจตลาดผู้บริโภคทั่วไทย
นายวิชัย แสงหิรัญวัฒนา ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป และผู้จัดการแผนกเทเลเมติกส์ บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการให้บริการระบบภูมิสารสนเทศแบบครบวงจร หนึ่งในกลุ่มบริษัทซีดีจี เปิดเผยว่า ในวันนี้บริษัท ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์เครื่องบอกพิกัดด้วยดาวเทียม ( Global Positioning System : GPS ) โดยอุปกรณ์ จีพีเอสที่ทางบริษัทฯ แนะนำสู่ตลาดในขณะนี้ ประกอบไปด้วย
1. iQue M5
2. GPS 10,
3. ForeRunner 301
4. Mapsource CD
5. StreetPilot 2610 รุ่นภาษาไทย
6. GPS MAP60CS รุ่นภาษาไทย
นายวิชัยกล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยรู้จัก GPS มากขึ้น ถ้าพูดถึงวันนี้ ตลาดมีส่วนช่วยกระตุ้นความต้องการในตัวเอง ทั้งตลาดภาคเอกชน ทั้งสื่อสารมวลชน และหากพูดถึงในส่วนของระบบภูมิสารสนเทศ (Geographic Information System : GIS ) จะเห็นได้ว่า GIS บีบทบาทมากในแรงผลักดันสำคัญๆก็คือ โครงการต่างๆจากภาครัฐ อาทิ แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศสี Ortho Photo ทั่วประเทศ มาตราส่วน 1:4,000 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นแผนที่ที่มีความละเอียดถูกต้องและครอบคลุมทั้งประเทศเป็นครั้งแรกของประเทศ และเป็นแผนที่หลักของประเทศนับจากนี้เป็นต้นไป , โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่อยู่อาศัย(GIS) การเคหะแห่งชาติ, โครงการระบบภูมิสารสนเทศ(GIS) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , แผนที่กรุงเทพมหานคร มาตรส่วน 1 : 1,000 ของการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.), แผนที่ของกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นต้น
ในปี 2547 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ใหม่ โดยเฉพาะ Navigator ที่ใช้นำทางในรถยนต์ TOYOTA CAMRY ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง และตลาดตอบรับมากที่สุด ซึ่งนับจากนี้ไป บริษัทฯ จะขยายสู่ตลาดผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้น
“ก่อนหน้านี้คนอาจจะลังเล แต่ขณะนี้นับว่าผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ทั้ง palm และ pocket PC กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ก็มีทั้งนักธุรกิจ คนหนุ่มสาว ที่ต้องการความสะดวกสบายและความคล่องตัว นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่รักการเดินทางผจญภัย“ผมเชื่อว่าตลาดจะเติบโตได้อีกมาก เพราะตลาดนี้ยังกว้างขวาง และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายชัดเจนที่เราจะเข้าถึงได้ อย่างรวดเร็ว”
นอกจากนี้นายวิชัยได้กล่าวถึงกลยุทธ์ทางการตลาดว่า บริษัทฯได้จัดกิจกรรมต่างๆที่เป็นการสร้างสายสัมพันธ์และชุมชน (Community) ของผู้ที่ใช้ GPS โดยเฉพาะ นอกจากนี้ในส่วนของการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯได้มีการขยายสู่ช่องทางต่างๆมากขึ้น โดยในปีนี้จะมีตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ ส่วนในปัจจุบัน บริษัทฯมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เป็นร้านหนังสือและศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอที ประกอบด้วยร้านขายคอมพิวเตอร์ในฟอร์จูน พันธ์ทิพย์พลาซ่า ร้านหนังสือ ซีเอ็ด บุ๊คเซ็นเตอร์ และ ไอที ซิตี้
ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป และผู้จัดการแผนกเทเลเมติกส์ บริษัท อีเอสอาร์ไอ ฯ ยัง ได้กล่าวถึง ปัจจัยที่ส่งผลให้จีพีเอสเป็นที่รู้จักในตลาดในปัจจุบันว่า มาจากปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1. แผนที่ดิจิตอล ชุด ArcData Thailand ของอีเอสอาร์ไอ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีความละเอียด สมบูรณ์ และถูกต้องมากที่สุด ซึ่งในข้อนี้เองที่ช่วยผลักดันยอดขายจีพีเอสของ GARMIN มากถึงกว่าร้อยละ 50
2. เครื่องจีพีเอสมีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับในอดีต
3. ผลิตภัณฑ์มีความหลายหลาก สามารถนำไปใช้งานได้หลายกลุ่ม เช่น นักธุรกิจ นักเดินทาง ท่องเที่ยว ผู้รักการผจญภัย เป็นต้น
“ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการดำเนินนโยบายการตลาด จีพีเอส ของบริษัทอีเอสอาร์ไอฯ นั้น ต้องมี ข้อมูลแผนที่ที่ถูกต้อง และทันสมัยอยู่เสมอ ส่วนเรื่องของราคาก็อยู่ในระดับราคาทีผู้บริโภคสามารถซื้อหาได้ นอกจากนี้ตัวผลิตภัณฑ์ มีความหลากหลายให้เลือกด้วยคุณสมบัติต่างๆ และการที่บริษัทฯเลือกผลิตภัณฑ์จีพีเอส GARMIN มานำเสนอในตลาด ก็เนื่องจากว่า GARMIN เป็นผู้นำตลาดจีพีเอส ประกอบกับการมีข้อมูลแผนที่ซึ่งมีคุณภาพ ที่บริษัท อีเอสอาร์ไอฯ เป็นผู้นำในตลาดนี้อยู่แล้ว”
ในปีนี้บริษัท อีเอสอาร์ไ อ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดแผนกใหม่ คือ แผนก Telematics เพื่อมารองรับการพัฒนาเทคโนโลยี และขยายตลาด GPS โดยเฉพาะ ทั้งระบบนำทาง (Navigation) และระบบติดตามด้วย GPS (Tracking) และเป็นอีกทางหนึ่งเพื่อเพิ่มศักยภาพขององค์กรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จีพีเอส (GPS)
สำหรับรายได้เฉพาะผลิตภัณฑ์จีพีเอส ในปี 2547 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว 100 ล้านบาท และในปี 2548 นี้ เป้าหมายรายได้ในส่วนของจีพีเอสจะอยู่ที่ 200 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท
