ออโต้อัลลายแอนซ์เบียดแชมป์เก่า ก้าวขึ้นอันดับ 1 ผู้ส่งออกรถยนต์ไทย

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 11 พฤษภาคม 2548 – ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (AAT) ฉลองความสำเร็จในฐานะผู้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) อันดับ 1 ของไทยในไตรมาสแรกของปี 2548 โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มร. ราล์ฟ บอยซ์ ร่วมฉลองความสำเร็จที่โรงงาน จังหวัดระยอง

สถิติการส่งออกรถยนต์ที่จัดทำโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า จำนวนรถยนต์สำเร็จรูปที่ส่งออกจากโรงงาน AAT ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2548 มีจำนวนสูงสุด 19,388 คัน หรือคิดเป็น 22.29% ของปริมาณรถยนต์ส่งออกรวมของประเทศซึ่งมีมูลค่ารวม 8.05 พันล้านบาท โดย โรงงาน AAT มียอดการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 32% หรือเพิ่มขึ้น 4,724 คัน จาก 14,664 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาสแรกของปีนี้ ชิ้นส่วนรถยนต์สำเร็จรูป CKD ที่ส่งออกมีจำนวน 10,060 คัน เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าคิดเป็น 2.21 พันล้านบาท ทำให้มูลค่ารวมการส่งออกรถยนต์ของ AAT คิดเป็น 1.026 หมื่นล้านบาท

มร. ยูจิ นากามิเน ประธานบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความสำเร็จของเราเหนือคู่แข่งในครั้งนี้ ทำให้เรากลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์อันดับหนึ่งของประเทศ ถือเป็นความสำเร็จที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะพนักงานทุกคนของเราควรภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ AAT นับเป็นความสำเร็จจากการร่วมทุนระหว่างฟอร์ดและมาสด้า และได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกในฐานะ Center of Excellence for Quality

“นอกจากความสำเร็จในการส่งออกแล้ว AAT ยังภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการสร้างงาน การส่งเสริมธุรกิจของผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และช่วยทำให้ดุลการค้าของประเทศแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถและศักยภาพของเราในประเทศไทย AAT มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถสนับสนุนและช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็น “ดีทรอยท์ ออฟ เอเชีย” ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายไว้ได้อย่างแน่นอน” มร. นากามิเนกล่าว

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ AAT ในไตรมาสแรก เป็นผลมาจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ฟอร์ดเรนเจอร์ 4×2 ไฮไรเดอร์ แอคทีฟ และ ฟอร์ดเรนเจอร์ 4×4 ออโตเมติก ในปี 2547 ยอดการผลิตรวมทั้งปีของโรงงาน AAT สูงถึง 139,371 คัน แบ่งเป็น รถยนต์สำเร็จรูป 106,191 คัน และชิ้นส่วนรถยนต์สำเร็จรูป CKD จำนวน 33,180 คัน ในจำนวนรถยนต์สำเร็จรูปทั้งหมดที่ AAT ผลิตนั้นมากกว่า 70% เป็นรถที่ผลิตเพื่อส่งออก ในขณะที่ 100% เป็นชิ้นส่วนรถยนต์สำเร็จรูป CKD ที่ผลิตเพื่อการส่งออกทั้งหมด

AAT ส่งออกรถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์ และมาสด้าไฟเตอร์ ไปยัง 130 กว่าประเทศทั่วโลกทั้งในยุโรป อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ยังผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง 7 ที่นั่ง ฟอร์ดเอเวอเรสต์ เพื่อส่งออกไปยัง 50 กว่าประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และกลุ่มประเทศแถบแปซิฟิกใต้

นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน AAT ผลิตรถยนต์แล้วกว่า 450,000 คัน ซึ่งสร้างรายได้และช่วยให้ดุลการค้าของไทยแข็งแกร่งมากขึ้น โดยคิดเป็นมูลค่าการส่งออก มากกว่า 5.9 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบัน AAT มีซัพพลายเออร์กว่า 100 รายที่ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้กับโรงงานแห่งนี้ โดย AAT ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศถึง 80% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่าปีละ 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ การดำเนินการผลิตของ AAT ยังช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยในการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังต่างประเทศอีกด้วย คิดเป็นมูลค่าถึงประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี นับเป็นการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์

ปัจจุบัน AAT มีกำลังการผลิตรถยนต์สำเร็จรูป 120,000 คันและชิ้นส่วนรถยนต์สำเร็จรูป CKD 35,000 คันต่อปี โดยผลิต 2 กะ ด้วยจำนวนพนักงาน 2,700 คน ซึ่งมีทั้งวิศวกร พนักงานและช่างผู้มีความชำนาญ AAT มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากร การฝึกอบรม และความปลอดภัยในการทำงาน

ด้วยตระหนักถึงการขยายตัวของตลาด ขยายกิจกรรมและกำลังการผลิต มร. บิล ฟอร์ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี ได้ประกาศเพิ่มลงทุนอีก 2.1 หมื่นล้านบาท (500 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในโรงงานแห่งนี้ เพื่อการพัฒนายานยนต์ใหม่ และเพิ่มกำลังการผลิต โดยที่ มร. ฟอร์ด ได้ประกาศเพิ่มเงินลงทุนดังกล่าวในช่วงที่เดินทางมาเยี่ยมโรงงานแห่งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2546 ทั้งนี้แผนการขยายธุรกิจดังกล่าวจะดำเนินการทีละช่วงตามแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเป็นการลงทุนในด้านการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องจักร เครื่องมือในโรงงาน รวมทั้งด้านวิศวกรรม รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 200,000 คัน (ทั้งรถยนต์สำเร็จรูปและชิ้นส่วนรถยนต์สำเร็จรูป CKD) จาก 135,000 คันในปัจจุบัน

มร. จอห์น ฟิลิซ ประธาน ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “การขยายโรงงานโดยแบ่งเป็นเฟสนั้น เพื่อให้ AAT สามารถที่จะรองรับความต้องการฟอร์ด เรนเจอร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและตะวันออกกลาง และสำหรับในประเทศไทยนั้น ยอดขายฟอร์ดเรนเจอร์ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้ฉลองทำยอดขายรายเดือนเรนเจอร์สูงสุดเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นมาก

“ในโอกาสนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ขอแสดงความยินดีกับ มร. นากามิเน และพนักงานทั้งหมดของ AAT ที่ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ยานยนต์ที่มีคุณภาพสูงซึ่งผลิตที่ AAT ประกอบกับการให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าและบริการ ทำให้ฟอร์ดมั่นใจว่าเราจะมียอดขายและสามารถเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับที่ทำให้เราได้รับรางวัลความพึงพอใจของลูกค้าจากสถาบันเจ.ดี. เพาเวอร์ มาแล้วในปี 2547”