ดอลลาร์เจิดจ้า … Fed มั่นใจเศรษฐกิจยังแจ๋ว

ตลาดเงินตราต่างประเทศยังคงได้รับความสนใจอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์ทะยานสูงขึ้นรวดเร็ว เมื่อเทียบกับเงินยูโรในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยค่าเงินดอลลาร์ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือน ณ อัตราเฉลี่ยราว 1.22 ดอลลาร์/ยูโร ทั้งนี้ เงินดอลลาร์มีค่าเข้มแข็งราว 10% จากต้นปี 2548 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์โดดเด่น ส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนหันมาถือสกุลเงินอเมริกันมากกว่าที่จะสนใจลงทุนในรูปสกุลเงินยูโร เนื่องจากไม่ไว้วางใจสถานการณ์อึมครึมทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองในกลุ่มยูโร ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น มีค่ากระเตื้องขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่คาดกันว่าภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่เลวร้ายอย่างที่คาดคิด โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับเฉลี่ยประมาณ 5% ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ การประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G8 ในวันที่ 10-11 มิถุนายน จะดึงดูดความสนใจนักลงทุนที่มีต่อเงินเยนยิ่งขึ้น หากที่ประชุมกดดันค่าเงินหยวนของจีนอย่างจริงจัง

เงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ มีค่าเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1.82-1.83 ดอลลาร์/ปอนด์ ฟื้นตัวบ้างจากช่วงที่ผ่านมา เพราะธนาคารกลางอังกฤษยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75% ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงและน่าจูงใจที่สุด สำหรับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ได้รับอิทธิพลจากความแข็งแกร่งของค่าเงินดอลลาร์และการคาดคะเนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซื้อขายในช่วง 423-427 ดอลลาร์/ออนซ์

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าหวั่นไหวเพียงชั่วขณะในตอนต้นสัปดาห์ เมื่อตลาดเงินไม่พอใจเกี่ยวกับรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนพฤษภาคมของสหรัฐฯที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์กลับขยับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนักลงทุนจำนวนมากสนใจถือสกุลเงินดอลลาร์มากกว่าเงินยูโรในระยะนี้ เป็นผลจากสถานการณ์วุ่นวายในสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการที่ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ลงประชามติไม่ยอมรับธรรมนูญของอียู ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเสถียรภาพของกลุ่มอียู และลุกลามไปถึงการใช้สกุลเงินยูโรด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การที่อังกฤษเริ่มแสดงท่าทีเลื่อนการลงประชามติธรรมนูญอียูในประเทศออกไปก่อน ยิ่งซ้ำเติมให้นักลงทุนขาดความมั่นใจในการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกอียูในขณะนี้

สำหรับทางด้านเศรษฐกิจก็ดูเหมือนกลุ่มอียูจะเผชิญกับปัญหาเรื้อรังเช่นกัน เมื่อเศรษฐกิจทั่วไปของกลุ่มอียูยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสมาชิกยักษ์ใหญ่อย่างฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ เมื่อประกอบกับกระแสข่าวที่ว่าธนาคารกลางยุโรปอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็มีส่วนที่ทำให้นักลงทุนหนีไปถือสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น เพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่า ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 3.0% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยุโรปอยู่ที่ 2.0%

ยิ่งไปกว่านั้น รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯของทำเนียบขาวที่ระบุว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2548 เพิ่มขึ้น 3.4% ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.9% แม้ว่าอาจไม่สดใสเหมือนที่พยากรณ์ไว้ตอนปลายปีที่แล้ว แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ยังเหนือกว่ากลุ่มยูโร ที่คาดว่าในปีนี้ GDP อาจเพิ่มเพียง 1.2% เท่านั้น

เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้รับแรงสนับสนุนยิ่งขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นาย Alan Greenspan แถลงต่อรัฐสภาอเมริกันเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจที่มองว่าสหรัฐฯยังคงเข้มแข็ง แม้ว่าอาจมีพื้นที่บางแห่งส่อเค้าอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะเสี่ยงฟองสบู่ แต่ทางการก็คอยเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และสหรัฐฯยังคงให้ความสำคัญกับการป้องกันเงินเฟ้อต่อไป โดยยังคงใช้นโยบายการเงินเข้มงวดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่าทีของนาย Greenspan ดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มขยับเพิ่มขึ้นต่อไป

เงินปอนด์อังกฤษ ยังคงเป็นเงินอีกสกุลหนึ่งที่น่าลงทุนในช่วงนี้ ทำให้ค่าเงินปอนด์เข้มแข็ง เมื่อเทียบกับเงินยูโร ทั้งๆที่ตัวเลขเศรษฐกิจบางรายการของอังกฤษซบเซา แต่ภาพรวมทั่วไปของอังกฤษดีกว่าอีกหลายประเทศในกลุ่มยูโร อีกทั้ง การที่ธนาคารกลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ช่วยคลายความกังวลที่ว่าอังกฤษมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงก่อนหน้านี้

ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ กระเตื้องขึ้นอย่างมากในรอบ 3 สัปดาห์ โดยมีราคาเฉลี่ยราว 427 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงต้นสัปดาห์ เป็นผลจากปริมาณการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น ในภาวะที่ทองคำราคาถูก บรรดากองทุนเพื่อการเก็งกำไรต่างถือโอกาสกว้านซื้อทองคำเก็บไว้ นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯคัดค้านการนำทองคำสำรองของ IMF ออกขายเพื่อระดมทุนปลดเปลื้องหนี้สินของประเทศยากจน ก็ช่วยลดความวิตกกังวลว่าปริมาณทองคำจะล้นตลาด อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำลดลงในเวลาต่อมาอยู่ที่ระดับเฉลี่ยราว 423 ดอลลาร์/ออนซ์ช่วงท้ายสัปดาห์ เป็นผลจากการเทขายเพื่อเอากำไร หลังอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2548 เทียบกับวันที่ 9 มิถุนายน 2548 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2269 ดอลลาร์/ยูโร (1.2226 ดอลลาร์/ยูโร) 106.86 เยน (107.43 เยน) และ 1.8240 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.8212 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2548 เท่ากับ 427.0 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 423.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2548