ตลาดเงินตราต่างประเทศจับตาการแถลงสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯของประธานธนาคารกลาง นาย Alan Greenspan ต่อรัฐสภาอเมริกัน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบประมาณ 1.20-1.21 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น มีค่าลดต่ำลงในรอบ 14 เดือน แตะระดับเฉลี่ย 113 เยน/ดอลลาร์ หลังจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ขณะที่เงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษยังคงอ่อนแอ ซื้อขายในระดับเฉลี่ย 1.74 ดอลลาร์/ปอนด์ เนื่องจากธนาคารกลางอังกฤษมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับราคาทองคำในตลาดโลกกระเตื้องสูงขึ้นเหนือแนวต้าน 420 ดอลลาร์/ออนซ์เป็นผลสำเร็จ หลังจากทรุดต่ำลงอย่างหนักในรอบ 6 สัปดาห์
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าลดลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ เป็นผลมาจากรายงานการไหลเข้าเงินทุนจากต่างประเทศของสหรัฐฯในเดือนพฤษภาคม ซึ่งปรากฏว่านักลงทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นของสหรัฐฯเป็นมูลค่าสุทธิราว 72 ล้านดอลลาร์ เทียบกับยอดซื้อสุทธิมูลค่า 4.57 พันล้านในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ตลาดเงินไม่มั่นใจเกี่ยวกับปริมาณเงินทุนไหลเข้าประเทศสหรัฐฯซึ่งมีสม่ำเสมอเท่าใดนัก กระตุ้นให้วิตกกังวลเกี่ยวกับยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่จำเป็นต้องมีเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ เพื่อสร้างสมดุลให้กับฐานะการเงินของประเทศ
อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ฟื้นตัวในเวลาถัดมา เนื่องจากตลาดเงินคาดว่าการแถลงภาวะเศรษฐกิจงวดครึ่งปีของนาย Alan Greenspan ต่อรัฐสภา น่าจะส่งผลดีแก่เงินดอลลาร์ เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสดใสและอาจทำให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 3.25% เทียบกับกลุ่มยูโรที่อัตรา 2.0% และญี่ปุ่นที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำมากเกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์ สถานการณ์เหล่านี้ได้สนับสนุนให้ค่าเงินดอลลาร์เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนพร้อมที่จะถือสกุลเงินดอลลาร์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
เป็นที่น่าสังเกตว่า เงินดอลลาร์มีค่าพุ่งขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์เพียงชั่วขณะ หลังจากที่นาย Greenspan แถลงสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯตามความคาดหมาย โดยเห็นว่าเศรษฐกิจยังคงมีพื้นฐานเข้มแข็ง แต่ต้องระวังปัจจัยเสี่ยงด้านราคาน้ำมันและราคาอสังหาริมทรัพย์ร้อนแรง แต่ปรากฏว่าเงินดอลลาร์มีค่าลดต่ำลงในเวลาต่อมา เพราะนักลงทุนเริ่มสังสัยว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯจะสูงขึ้นอีกเท่าไหร่และจะหนุนค่าดอลลาร์นานเพียงใด ทำให้มีการเทขายเอากำไรเงินดอลลาร์
เมื่อเทียบกับเงินเยน เงินดอลลาร์ยังคงมีค่าสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะตลาดเงินเห็นว่าทางการจีนอาจยังไม่ปรับเพิ่มค่าเงินหยวนในเร็วๆนี้ ประกอบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกำลังได้รับแรงกดดันเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการเงินไปรษณีย์ของประเทศ ซึ่งมีเสียงคัดค้านอย่างหนัก ทำให้ฐานะผู้นำญี่ปุ่นเริ่มอ่อนไหว
เงินปอนด์อังกฤษ ตกอยู่ในสภาพอ่อนล้า สาเหตุสำคัญมาจากตลาดเงินคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมนี้ เพราะผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมา มีกรรมการบางส่วนเห็นด้วยกับการลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่อยู่อาศัยที่เคยร้อนแรง ก็เริ่มชะลอลง และอาจเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังอ่อนกำลัง ซึ่งธนาคารกลางน่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอังกฤษ
ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ กระเตื้องสูงขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากที่ราคาตกต่ำลงถึง 417.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 เดือน ปัจจัยสำคัญที่ฉุดให้ราคาทองคำลดลง ได้แก่ ความเข้มแข็งของค่าเงินดอลลาร์และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำฟื้นตัวเป็นผลสำเร็จ โดยซื้อขายเหนือแนวต้าน 420 ดอลลาร์/ออนซ์ในสัปดาห์นี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันโลกชะลอตัวลง รวมถึงนักลงทุนไม่ค่อยมั่นใจในทิศทางค่าเงินดอลลาร์ ทำให้มีการซื้อทองคำถือไว้ก่อน
อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2548 เทียบกับวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.2058 ดอลลาร์/ยูโร (1.2142 ดอลลาร์/ยูโร) 111.94 เยน (112.84 เยน) และ 1.7485 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.7409 ดอลลาร์/ปอนด์)
ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2548 เท่ากับ 422.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 422.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2548
